SIDS

การห่อตัวทารก ห่ออย่างไรให้ปลอดภัย

วิธีการห่อตัวทารก ห่ออย่างไรให้ปลอดภัย การห่อตัวเป็นเทคนิคในการปกป้องเด็กทารกแรกเกิดช่วยให้ลูกน้อยของคุณรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นค่ะ แต่หากห่อไม่ถูกต้องเหมาะสมอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ค่ะ และวันนี้เรามีวิธีและเคล็ดลับการห่อตัวลูกน้อยให้ปลอดภัยสบายตัวมาฝากคุณพ่อคุณแม่ค่ะ ทำไมต้องห่อตัวลูกน้อย การห่อตัวจะทำเพื่อปรับปรุงการนอนหลับของทารก เนื่องจากลูกน้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลกจากที่เคยอยู่ในถุงน้ำคร่ำอบอุ่นในร่างกายของคุณแม่ออกมาสู่โลกกว้างใบใหม่ ด้วยอุณหภูมิที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วอาจสร้างความสับสน ความกังวลและความรู้สึกไม่ปล่อยภัยค่ะ การห่อตัวทารกจึงทำให้รู้สึกอบอุ่น หลับสบายมากขึ้น ช่วยให้ทารกนอนหลับอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคยในช่วงเดือนแรก และยังช่วยลดความเสี่ยงของการเสียชีวิตอย่างกะทันหันของทารก โรคไหลตายในทารก(SIDS) ซึ่งพบบ่อยในเด็กอายุ 2 – 4 เดือนค่ะ การห่อตัวทารก การห่อตัวลูกน้อยเป็นความรู้พื้นฐานที่คุณพ่อคุณแม่จะได้รับคำแนะนำจากพยาบาลก่อนกับบ้านค่ะ ซึ่งวิธีการห่อตัวทารกโดยทั่วไปมีด้วยกัน 3 แบบ ค่ะ ได้แก่ ห่อผ้าบริเวณตัวและปกคลุมส่วนศีรษะของทารกโดยเว้นบริเวณใบหน้าไว้ ห่อผ้าบริเวณตัวและคลุมถึงส่วนคอของทารก และห่อผ้าครึ่งตัวของทารก สิ่งสำหรับคือการเลือกผ้าที่เหมาะสมกับสภาพอากาศค่ะ การห่อผ้าบริเวณตัวคลุมถึงส่วนคอของทารกเป้นการห่อตัวทารกที่ได้รับความนิยมมาก ช่วยให้ลูกน้อยหลับสบายมากขึ้นค่ะ โดยมีวิธีการห่อตัวดังนี้ วางผ้าบนพื้นเรียบ พับส่วนปลายผ้าด้านบนเล็กน้อยและให้ลูกนอนหงายตรงกลางของผ้า พับด้านหนึ่งสอดเข้าใต้ตัวของทารก จากนั้นในพับส่วนปลายเท้าขึ้นด้านบน พับปลายส่วนที่เหลืออีกด้านให้อ้อมตัวลูกน้อยของคุณค่ะ ข้อควรระวัง มีข้อควรระวังเล็กน้อยที่คุณพ่อคุณแม่ต้องระมัดระวังเมื่อห่อตัวลูกน้อย ได้แก่ การห่อตัวทารกไม่ควรให้นอนในท่านอนคว่ำ เพราะอาจทำให้หายใจไม่ออกได้ค่ะ ผ้าที่ให้ห่อตัวทารกควรเลือกที่มีน้ำหนักเบาเหมาะสมกับสภาพอากาศค่ะ ไม่ควรห่อหรือมัดแน่นจนเกินไป เพราะอาจทำให้ทารกรู้สึกอึดอัด ไม่สบายตัวและหายใจไม่ออก ไม่ควรห่อตัวในทารกมีปัญหาสุขภาพด้านหัวใจ ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดภาวะไหลตายได้ค่ะ การห่อตัวช่วยให้ลูกน้อยของคุณนอนหลับสบายมากขึ้นโดยเฉพาะในช่วงเดือนแรกค่ะ ดังนั้นควรห่อตัวทารกที่ถูกต้องเหมาะสมรวมถึงต้องระมัดระวังในการห่อตัวค่ะ เพื่อให้หมั่นใจว่าลูกของคุณปลอดภัย อบอุ่นและหลับสบายค่ะ

คุณหมอเลี้ยงลูก

ข้อดีและข้อเสีย จุกหลอกสำหรับเด็ก (Pacifier)

จุกหลอกอุปกรณ์สำหรับเด็กเล็กชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมมาก มีลักษณะเป็นจุกนมที่ผลิตจากยางและซิลิโคน เพื่อช่วยผ่อนคลายให้ลูกน้อยหลับง่ายขึ้นค่ะ แต่คุณพ่อคุณแม่ทราบหรือไม่ว่าจุกนมหลอกมีข้อดีและข้อเสียอย่างไรบ้าง ก่อนตัดสินใจเลือกใช้จุกหลอกเพื่อให้เหมาะสมและปลอดภัยต่อลูกน้อยของคุณ ข้อดีของจุกหลอก ช่วยปลอบลูกน้อยให้อารมณ์ดีขึ้นได้ เนื่องจากเด็กบางคนมีความสุขหรืออารมณ์ดีขึ้นเมื่อดูดอะไรบางอย่าง รวมถึงสามารถป้องกันการดูดนิ้วได้ ช่วยให้ลูกน้อยของคุณหลับง่ายหรือนานมากขึ้น เนื่องจากการดูดบางสิ่งทำให้ลูกรู้สึกผ่อนคลายและเพลิดเพลินค่ะ ช่วยเบี่ยงเบนความสนใจหรือลดความฟุ้งซ่านชั่วคราวได้ โดยเฉพาะเมื่อต้องไปหาหมอฉีดวัคซีนค่ะ ช่วยลดอาการหูอื้อหรือปวดหูในขณะขึ้นเครื่องบินกำลังขึ้นที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของความดัน เนื่องจากการดูดบางจะช่วยปรับระดับความดันภายในหูได้ค่ะ ช่วยลดความเสี่ยงของการเสียชีวิตจาก ภาวะไหลตายในเด็กทารก(SIDS) การดูดจุกนมหลอกก่อนนอนสามารถช่วยลดความเสี่ยงของ SIDS ได้ค่ะ ข้อเสียของจุกหลอก ผลกระทบข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากจุกหลอก ได้แก่ ปัญหาในช่องปาก เช่น ฟันหน้ายื่นผิดรูปหรือฟันขึ้นผิดปกติ ฟันผุ เป็นต้น การดูดจุกหลอกโดยไม่มีการทำความสะอาดที่ถูกต้องเหมาะสมส่งผลให้เสี่ยงต่อการป่วยได้ง่ายหรือติดเชื้อในหูชั้นกลาง เนื่องจาก จุกหลอกอาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคต่างๆค่ะ นอกจากนี้ยังเกิดอันตรายได้จากการใช้จุกหลอกชำรุดอาจทำให้อุดกลั้นทางเดินหายใจทำให้หายใจไม่ออกได้ค่ะ จุกหลอกไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีการรับรองมาตรฐาน (มอก) และมีสารบีพีเอ (BPA free) สารเคมีในพลาสติกมีผลต่อสมองค่ะ การเลือกและการใช้จุกหลอกสำหรับเด็ก อย่างถูกวิธี เลือกให้เหมาะกับช่วงอายุและปากของลูกน้อย จุกหลอกที่ได้รับรองมาตรฐาน (มอก) มีสารบีพีเอ (BPA free) จุกหลอกควรมีรูระบายอากาศ เพื่อให้อากาศผ่านได้ง่าย แป้นจุกหลอกไม่ควรมีขนาดใหญ่เกินไป เนื่องจากอาจกดทับจมูกของลูกน้อยในขณะดูดจุกนมหลอกได้ค่ะ หลีกเลี่ยงการใช้สายคล้องจุกหลอกกับคอของลูกน้อย เพราะอาจรัดคอจนขาดอากาศหายใจได้ค่ะ ห้านนำจุกหลอกแช่ตู้เย็นโดยเฉพาะช่องแช่แข็ง […]

คุณหมอเลี้ยงลูก

วิธีการเลือกซื้อเปลสำหรับเด็ก

การนอนหลับพักผ่อนเป็นสิ่งที่ดีและจำเป็นสำหรับทุกเพศทุกวัยยิ่งถ้าได้นอนในสถานที่หรือที่นอนดีๆที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและหลับสบายมากขึ้น เช่นเดียวกับลูกน้อยที่คุณพ่อคุณแม่ต้องแน่ใจว่ามีที่พักผ่อนที่ดีและปลอดภัยสำหรับลูก เพราะเป็นสิ่งจำเป็นที่ลูกน้อยของคุณต้องใช้ในช่วง 4 เดือนแรกค่ะ ดังนั้น การเลือกสถานที่ที่ลูกน้อยจะนอนหลับนั้นเป็นหนึ่งในการตัดสินใจที่สำคัญที่สุดก่อนลูกน้อยกลับบ้าน เพราะต้องปลอดภัยและสบายเพียงพอต่อลูกน้อย เนื่องจากพบว่ามีเด็กทารกแรกเกิดถึงสี่เดือนเสียชีวิตจากการนอน (โรคไหลตายในทารก) จำนวนมากในแต่ละปีค่ะ ดังนั้นการเลือกเปลหรือที่นอนที่ดีที่สุดมีความสำคัญอย่างยิ่งเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ค่ะ ปัจจุบันเปลเด็ก เป็นหนึ่งในเครื่องอำนวยความสะดวกที่ได้รับความนิยมของคุณแม่ลูกอ่อน เพราะช่วยให้การนอนลูกน้อยถูกต้องและหลับสบายได้ง่ายขึ้น ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นแบบเปลไกว เปลลูกกรง เป็นต้น แต่จะเลือกอย่างไรให้ตรงตามความต้องการและปลอดภัยกับลูกน้อยที่สุด วันนี้เรามีข้อมูลเบื้องต้นการเลือกเปลและที่นอนสำหรับลูกน้อยมาฝากคุณพ่อคุณแม่ค่ะ ข้อคำนึงเกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้เปลหรือเตียงให้เหมาะกับลูกน้อย เลือกตามอายุของลูกน้อย เพราะเปลเหล่านี้จะถูกออกแบบมาโดยคำนึงถึงอายุของทารก ซึ่งโดยทั่วไปเปลมักจะเหมาะกับเด็กอายุ 6-8 เดือนค่ะ ตรวจสอบรูปแบบโครงสร้างความแข็งแรงและมาตรฐานความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ค่ะ ฐานแข็งแรงมั่นคงและสมดุล เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถรับน้ำหนักได้ดีและจะไม่พลิกคว่ำได้ง่าย เปลแบบลูกกรง เตียงแบบลูกกรงหรือช่องว่างระหว่างเตียงและกำแพงไม่ควรมีช่องว่างห่างเกินกว่า 6 เซนติเมตร เพราะอาจทำให้ศีรษะติดหรือหลุดลอดออกจากช่องได้ ซึ่งอันตรายอาจทำให้ขาดอากาศหายใจและเสียชีวิตได้ค่ะ เปลหรือเตียงแบบพกพาที่สามารถประกอบหรือพับได้ เมื่อประกอบเสร็จเรียบร้อยควรตรวจดูความแข็งแรงของตัวล็อค เพื่อป้องกันการล้มหรือทรุดตัวลงของเปลค่ะ โมบายติดตั้งเปลหรือเตียงนอนลูกน้อย ควรเป็นแบบถอดออกได้เพื่อความสะดวกในการอุ้มลูกลงหรือออกจากเปลค่ะ รวมถึงตัวล็อคโมบายต้องมีความแน่นหนาเพื่อป้องกันการหลุดล่วงใส่ลูกน้อยค่ะ ฟูกหรือที่นอนไม่ควรนิ่มเกินไปและควรพอดีกับเปลหรือเตียงนอนสำหรับเด็ก นอกจากนี้คุณแม่ควรเลือกเปลหรือที่นอนที่สามารถทำความสะอาดได้ง่าย เพราะที่นอนของเด็กทารกมักเปื้อนได้ง่ายจากน้ำลายไหล ผ้าอ้อมซึม เป็นต้น และไม่ควรนำหมอน ตุ๊กตา หรือผ้าห่มที่มีน้ำหนักวางจนแน่นเปลหรือมากเกินความจำเป็น เพราะจะทำให้ลูกรู้สึกอึดอัดและอาจกดทับจมูกหรือปากจนลูกหายใจไม่ออกค่ะ

คุณหมอเลี้ยงลูก

การนอนที่ปลอดภัยสำหรับทารก

หลายคนอาจกำลังสงสัยว่าทารกนอนท่าไหนสบายที่สุดช่วยให้ลูกน้อยนอนหลับได้นานขึ้น ซึ่งหลายคนก็บอกว่านอนคว่ำดีที่สุด แต่คุณทราบหรือไม่ว่าอันตรายจากท่านอนที่ไม่เหมาะสมของเด็กทารกนั้นก่อให้เกิดผลเสียอย่างไร ดังนั้นบทความนี้เราจะพูดคุยเกี่ยวกับลักษณะการนอนที่เป็นอันตรายต่อทารก รวมถึงการนอนที่ปลอดภัยสำหรับเด็กทารกค่ะ ทำไมทารกควรนอนในตำแหน่งหรือท่าที่เหมาะสม เนื่องจากการนอนที่ไม่เหมาะสมสำหรับทารกสามารถนำไปสู่ SIDS (sudden infant death syndrome) หรือโรคไหลตายในทารก โดยเฉพาะเด็กแรกเกิดถึง 4 เดือน ซึ่งเกิดจากการอุดกลั้นของระบบทางเดินหายใจ ส่งผลให้สมองขาดออกซิเจนและเสียชีวิตได้ค่ะ SIDS เป็นอุบัติเหตุการนอนหลับร้ายแรงที่พบบ่อยในทารก ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเพื่อให้แน่ใจว่าลูกของคุณมีลักษณะการนอนอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมและปลอดภัยค่ะ อ่านเพิ่มเติม SIDS (sudden infant death syndrome) หรือโรคไหลตายในทารก การนอนที่ปลอดภัยและเป็นอันตรายต่อทารกแรกเกิดถึง 4 เดือน ตำแหน่งการนอนหลับของทารกที่ปลอดภัยและเป็นอันตรายที่คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองเด็กทารกต้องรู้ ได้แก่ – การนอนท่าคว่ำ สำหรับทารกเป็นท่านอนที่อันตรายค่ะ เนื่องจากใบหน้า ปาก จมูกของทารกอาจกดทับกับหมอนหรือที่นอนทำให้กดทับระบบทางเดินหายใจหายใจลำบาก เพราะทารกกล้ามเนื้อคอยังไม่แข็งแรงพอที่จะบังคับหรือขยับหันได้เองค่ะ ดังนั้น ท่านอนที่ปลอดภัยสำหรับเด็กทารกควรนอนหงายหรือนอนตะแคง แต่ส่วนใหญ่การนอนหงายจะทำให้ศีรษะของลูกไม่สวย แต่ไม่มีผลต่อการเจริญเติบโตของสมองค่ะ และเมื่ออายุมากกว่า 1 ปีขึ้นไป ศีรษะที่แบนนั้นอาจกลับมาโหนกทุยได้ค่ะ – ที่นอนที่นิ่มมากๆ ตุ๊กตาหรือผ้าห่มหนา ไม่ควรนำมาวางบนที่นอนหรือเปลของทารกค่ะ เนื่องจากอาจกดทับตัวลูกน้อยทำให้ลูกหายใจไม่สะดวกค่ะ ดังนั้น หลีกเลี่ยงที่นอนสำหรับทารกที่นุ่มเกินไป […]

คุณหมอเลี้ยงลูก

โรค SIDS การไหลตายในทารก ภัยร้ายที่พรากชีวิตลูกรักไปจากคุณ

โรคไหลตายในทารก (โรค SIDS) ภัยเงียบขณะนอนหลับที่คุณแม่ต้องระวัง เนื่องจากสามารถเกิดขึ้นได้ในเด็กที่มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์และเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน และทำให้เด็กเสียชีวิตกว่า 3,000 คนต่อปี ซึ่งจะเกิดจากสาเหตุอะไร และจะมีวิธีการดูแลป้องกันอย่างไร สามารถหาคำตอบได้จากบทความนี้ค่ะ โรคไหลตายในเด็กคืออะไร โรคไหลตายในเด็ก หรือ SIDS (Sudden Infant Death Syndrome) คือการเสียชีวิตแบบกะทันหันในขณะที่เด็กนอนหลับ โดยไม่มีสัญญาณหรืออาการเตือนใดๆก่อนการเสียชีวิต แม้ว่าเด็กจะมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ ส่วนใหญ่มักพบการไหลตายในเด็กแรกเกิดถึงอายุ 1 ปี โดยพบบ่อยในเด็กอายุ 2 – 4 เดือน และพบในเด็กเพศชายมากกว่าเพศหญิงค่ะ สาเหตุไหลตายในทารก (SIDS) สาเหตุของการเกิดโรค SIDS ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ามีสาเหตุมากจากอะไร แต่จากการศึกษาพบว่าการหยุดหายใจในขณะนอนหลับหรือการไหลตาย อาจเกิดจากปัจจัยเสี่ยงดังนี้ พัฒนาการที่ผิดปกติของทารก ภาวะคลอดก่อนกำหนดหรือน้ำหนักตัวแรกเกิดน้อย การนอนคว่ำเป็นเวลานานๆ ผ้าหรือหมอนปิดจมูก การนอนที่นอนนุ่มมากๆทำให้เด็กยุบตัวไปกับที่นอน สภาพอากาศร้อนมาก ควันบุหรี่ซึ่งจะไปรบกวนการหายใจของเด็ก เป็นต้น อาการภาวะไหลตาย SIDS ภาวะไหลตายเป็นโรคที่เสียชีวิตอย่างฉับพลันในขณะนอนหลับ โดยไม่แสดงอาการผิดปกติใดๆก่อนการเสียชีวิต อีกทั้งยังดูมีสุขภาพแข็งแรงจึงทำให้สังเกตภาวะผิดปกติได้ยากค่ะ การป้องกันการไหลตาย เนื่องจากโรค SIDS เป็นโรคที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน […]

คุณหมอเลี้ยงลูก