Tag: coronavirus

  • การล้างมือ

    การล้างมือ

    การล้างมือเป็นวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพที่สุดในการยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีระบาดไปทั่วโลกของเชื้อไวรัสโควิด-19 (COVID-19) หรือไวรัสโคโรน่า(coronavirus) ซึ่งการล้างมือเป็นการป้องกันตัวเองจากเชื้อโรคหรือเชื้อไวรัสต่างๆได้ดี ในขณะที่ผู้ใหญ่หลายๆคนมองว่าการล้างมือเป็นเรื่องง่ายแต่กลับเป็นเรื่องท้าทายสำหรับเด็กโดยเฉพาะเด็กเล็ก และเราจะหมั่นใจได้อย่างไรว่าลูกของเราล้างมืออย่างถูกวิธี ดังนั้นวันนี้เรามีเคล็ดลับการล้างมือให้เป็นเรื่องสนุกสำหรับเด็กๆมาฝากคุณพ่อคุณแม่ค่ะ

    การล้างมืออย่างถูกวิธีด้วยน้ำสะอาด

    • ล้างมือด้วยน้ำสะอาดและสบู่ ถูจนเกิดฟองให้ทั่วฝ่ามือและง่ามนิ้วมือ
    • ใช้ฝ่ามือถูหลังมือและง่ามนิ้วมือสลับมือซ้ายและมือขวา
    • ถูนิ้วหัวแม่มือด้วยการกำนิ้วหัวแม่มือหมุนไปมาทั้งสองข้าง
    • ถูปลายนิ้วลงบนฝ่ามือสลับซ้ายและขวา
    • ถูรอบข้อมือโดยการกำข้อมูลและบิดซ้ายขวา
    • ถูอย่างน้อย 20 วินาทีค่ะ จากนั้นล้างมือด้วยน้ำสะอาดและเช็ดมือให้แห้งด้วยผ้าสะอาด

    การล้างมือให้เป็นเรื่องสนุกสำหรับเด็กๆ

    การให้ลูกของคุณล้างมือเป็นประจำอาจเป็นเรื่องท้าทาย โดยเฉพาะเมื่อเด็กๆรู้สึกว่าเป็นสิ่งน่าเบื่อ และวันนี้เรามีเคล็ดลับการลางมือให้เป็นเรื่องสนุกของเด็กๆมาฝากค่ะ

    • สบู่โฟม ด้วยตัวโฟมนุ่มๆเด็กๆส่วนใหญ่มักชอบและตื่นเต้นกับสิ่งๆนั้น
    • กรณีใช้เจลล้างมือแบบไม่ต้องใช้น้ำ เด็กๆส่วนใหญ่มักชอบเพราะดูเหมือนการเล่นมายากลค่ะ หรือบ้านไหนอาจจะใช้ขวดบรรจุน่ารักสร้างความสนใจก็ได้ค่ะ
    • ร้องเพลงขณะล้างมือหรืออาจจะมีท่าเต้นน่ารักร่วมด้วยก็ได้ค่ะ ซึ่งเป็นวิธีที่จะทำให้เด็กๆล้างมือได้นานขึ้นอย่างน้อย 20 วินาที เช่น เพลง Happy Birthday หรืออาจจะเป็นเพลงโปรดของเด็กๆค่ะ
    • สร้างสีสันก่อนล้างมือ เช่น อาจจะใช้กากเพชร พริกไทย เทลงบนฝ่ามือของเด็กเล็กน้อยก่อนล้างมือ ซึ่งวิธีนี้สามารถสอนการล้างมือให้ลูกอย่างถูกวิธีได้ค่ะ โดยสมมุติว่าสิ่งที่ติดบนมือบนเชื้อโรค เชื้อไวรัสหรือแลตทีเรียค่ะ
    • สร้างกิจวัตร การสร้างนิสัยการล้างมือให้ลูกก่อน-หลังรับประทานอาหาร หลังเข้าห้องน้ำและหลังทำกิจกรรมทุกครั้งค่ะ เพื่อสร้างให้เป็นนิสัยที่ดีของเด็กๆค่ะ
    • สร้างเกมสนุกๆ เช่น อาจทำเครื่องหมายหรือสติ๊กเกอร์รางวัลเด็กดี เพื่อเพิ่มความสนุกและแรงจูงใจแก่เด็กๆค่ะ

    การล้างมือจะไม่ใช่เรื่องน่าเบื่ออีกต่อไปสำหรับเด็กๆ คุณพ่อคุณแม่สร้างความสนุกและปลอดภัยได้ไปพร้อมๆกันค่ะ

  • ประเภทของหน้ากากอนามัย และวิธีใส่หน้ากากอนามัยอย่างไรให้ปลอดภัย

    ประเภทของหน้ากากอนามัย และวิธีใส่หน้ากากอนามัยอย่างไรให้ปลอดภัย

    หน้ากากอนามัย หรือแมสปิดจมูก (Mask) คือหน้ากากสำหรับป้องกันฝุ่นละออง มลพิษและเชื้อโรคต่างๆเข้าสู่ร่างกายผ่านระบบทางเดินหายใจรวมถึงป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสหรือเชื้อแบตทีเรียสู่ผู้อื่นค่ะ แต่คุณทราบหรือไม่ว่าใส่หน้ากากอนามัยอย่างไรให้สามารถป้องกันเชื้อโรคต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด และบทความนี้จะพาคุณพ่อคุณแม่มาทำความเข้าใจถึงวิธีการใส่หน้ากากอนามัยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นค่ะ 

    หน้ากากอนามัยแบบต่างๆที่นิยมใช้ทั่วไป ได้แก่

    •  ชั้นนอกมีสีเข้มเนื่องจากมีสารเคลือบกันน้ำ ชั้นกลางสำหรับกรองเชื้อโรคและอีกชั้นเป็นวัสดุนุ่มเนื่องจากต้องสัมผัสกับผิวค่ะ หน้ากากชนิดนี้ส่วนใหญ่ใช้ในทางการแพทย์และทั่วไปสามารถหาซื้อได้ง่ายราคาไม่แพงเนื่องจากเป็นชนิดที่ใช้แล้วทิ้งค่ะ หน้ากากชนิดนี้ใช้สำหรับป้องกันเชื้อโรคผ่านทางการไอหรือจามได้ค่ะ

    หน้ากาก N95

    • หน้ากาก N95 หน้ากากชนิดนี้สามารถป้องกันเชื้อโรคหรือฝุ่นละอองทีมีขนาดเล็กมากๆได้ ส่วนใหญ่มักใช้ในการทำงานกับสารเคมีหรือทางการแพทย์ที่ต้องป้องกันการติดเชื้อสูง อาทิ การป้องกันเชื้อวัณโรค เป็นต้น ราคาแพงกว่าหน้ากากชนิดอื่นๆรวมถึงควรเลือกใช้ให้เหมาะสมเนื่องจากขนาดและยี่ห้อที่แตกต่างกันอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพในการใช้งานค่ะ

    หน้ากากอนามัยชนิดผ้า

    • หน้ากากอนามัยชนิดผ้า เป็นหน้ากากชนิดที่สามรถนำกลับมาใช้ใหม่ได้สามารถป้องกันฝุ่นขนาดใหญ่และกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ แต่ยังไม่มีการรับรองว่าสามารถป้องกันเชื้อไวรัสหรือเชื้อโรคต่างได้ เนื่องจากหน้ากากอนามัยแบบผ้าดูดซับความชื้นมากกว่าหน้ากากชนิดอื่น แต่ปัจจุบันหน้ากากอนามัยแบบผ้าสามารถใส่แผ่นกรองคาร์บอนได้ สำหรับป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่าง PM2.5 ได้ค่ะ

    วิธีใส่หน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธี

    การใส่หน้ากากอนามัยหรือที่เรียกอีกอย่างว่าแมสปิดจมูกอย่างถูกวิธีจะช่วยให้สามารถป้องกันเชื้อโรคต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นค่ะ และการใส่หน้ากากอนามัยควรปฏิบัติดังนี้

    • ล้างมือให้สะอาดถูกต้องก่อนและหลังการใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้ง เพื่อป้องกันการติดเชื้อที่ติดอยู่ที่มือค่ะ
    • เลือกหน้ากากอนามัยให้เหมาะสมกับในหน้า หากเป็นเด็กควรเลือกใช้หน้ากากอยามัยสำหรับเด็กเพื่อให้พอดีกับหน้าค่ะ
    • หน้ากากอนามัยประเภทใยสังเคราะห์สามชั้นหรือหน้ากาประเภททั่วไป ควรหันด้านสีเข้มไว้ด้านนอกเนื่องจากมีสารเคลือบสำหรับป้องการซึมผ่านของละอองน้ำ
    • จับสายคล้องหูทั้ง 2 ข้างสวมคลุมจมูกและปาก ดัดลวดให้แนบกับสันจมูกแบในหน้า และดึงด่านล่างให้คลุมใต้คางเป็นอันเรียบร้อยค่ะ
    • ไม่ควรสวมใส่หน้ากากร่วมกับผู้อื่นและระหว่างการใส่หน้ากากไม่ควรสัมผัสกับหน้ากากและสัมผัสกับดวงตาเพราะอาจทำให้ติดเชื้อโรคต่างได้ค่ะ
    • การใช้แอลกอฮอล์พ่นบนหน้ากากไม่ทำให้สามรถป้องกันเชื้อโรคได้ดีขึ้น

    เมื่อไหร่ที่ควรสวมหน้ากากอนามัย?

    • ป่วยเป็นโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัดใหญ่ วัณโรค เป็นต้น
    • ผุ้ที่ต้องดูแลผู้ป่วย โดยเฉพาะโรคที่ติดเชื้อทางเดินหายใจ
    • บุคลากรทางการแพทย์ เนื่องจากต้องให้การดูแลผู้ป่วย
    • เข้าไปในสถานที่ชุมชนหรือสถานที่แออัดอากาศถ่ายเทไม่สะดวก

    แม้ว่าหน้ากากอนามัยจะสามารถป้องกันเชื้อโรคได้ แต่สิ่งสำคัญในการป้องกันโรคต่างๆคือการปฏิบัติร่วมกับวิธีอื่นๆ ได้แก่ หลีกเลี่ยงแหล่งชุมชนโดยเฉพาะที่มีการแพร่ระบาดของโรค ล้างมือสม่ำเสมอโดยเฉพาะก่อนรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำทุกครั้ง หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดหรือการใช้สิ่งของเครื่องให้ร่วมกับผู้ป่วย การรับประทานอาหารปรุงสุกและหลากหลาก นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอและดื่มน้ำสะอาดมากๆ ในเด็กควรได้รับวัคซีนป้องกันโรคตามเกณฑ์ที่กำหนดค่ะ

  • Q&A ถาม-ตอบ เกี่ยวกับโควิด-19 (COVID-19) หรือไวรัสโคโรนา

    Q&A ถาม-ตอบ เกี่ยวกับโควิด-19 (COVID-19) หรือไวรัสโคโรนา

    นาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก เชื้อไวรัสโคโรนา (coronavirus) หรืออีกชื่อหนึ่งว่าโควิด-19 (COVID-19) ที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้พบผู้ติดเชื้อทั่วโลกทะลุ 93,123 รายและเสียชวิต 3,198 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 4 มีนาคม 2563) ซึ่งเชื้อไวรัสโคโรน่านี้สามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนได้ง่ายผ่านการไอ จาม หรือสัมผัสกับสารคัดหลั่งของคนที่ป่วย และสถานการณ์ยังคงรุนแรงอย่างต่อเนื่องจึงทำให้เกิดคำถามและข้อสงสัยเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา และวันนี้เราจึงรวบรวบคำถามต่างๆเพื่อไขข้อสงสัยและเป็นแนวทางในการป้องกันดูแลตนเองและครอบครัวค่ะ แต่ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักในเบื้องต้นกันก่อนค่ะ

    ไวรัสโคโรนา สายพันธ์ใหม่แพร่ระบาดครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีนช่วงเดือนธันวาคม ค.ศ. 2019 ที่ผ่านมาค่ะ คาดว่าเกิดจากการบริโภคค้างคาวที่มีเชื้อไวรัสดังกล่าว ทำให้เกิดภาวะรุนแรงต่อระบบทางเดินหายใจ ซึ่งระดับความรุนแรงการเจ็บป่วยตั้งแต่อาการหวัดธรรมดาจนถึงปอดอักเสบติดเชื้อและเสียชีวิตค่ะ 

    ถาม : ไวรัสโคโรนา (coronavirus) ติดต่อกันทางไหนบ้าง

    ตอบ : ไวรัสดังกล่าวสามารถติดต่อจากคนสู่คนผ่านการสูดดมละอองของน้ำลายหรือน้ำมูกจากการไอจาม รวมถึงการสัมผัสหรือรับประทานอาหารที่มีการปนเปื้อนของเชื้อไวรัส การขยี้ตา แคะจมูก ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการนำมือมาสัมผัสกับดวงตา จมูก ปากและควรล้างมือบ่อยๆค่ะ

    *******************************

    ถาม : อาการแบบไหนบ่งบอกว่าติดเชื้อไวรัสโควิด-19

    ตอบ : เชื้อไวรัสชนิดนี้จะมีระยะฟักตัวประมาณ 14 วัน หรืออาจมีระยะฟักตัวนานถึง 27 วัน และอาจจะไม่แสดงอาการป่วยแต่ในเบื้องต้นอาการจะคล้ายๆไข้หวัดทั่วไป คือ มีไข้ ไอ จาก มีน้ำมูก เจ็บคอ แต่หากพบว่ามีอาการหายใจลำบาก เจ็บหน้าอก หอบเหนื่อย ฯลฯ หรือเป็นผู้ที่เดินทางมาจากพื่นที่เสี่ยง ควรพบแพทย์โดยเร็วเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนรุนแรงค่ะ

    *******************************

    ถาม : สั่งพัสดุมาจากจีนหรือพื้นที่ที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสปลอดภัยหรือไม่ 

    ตอบ : เนื่องจากหลายๆที่ระบุว่าไวรัสโควิด-19 มีชิวิตอยู่บนส่งของได้นานหลายวันแต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศค่ะ ดังนั้นการรับพัสดุต่างๆที่มีจากพื้นที่ดังกล่าวควรทำความสะอาดสิ่งของนั้น และล้างมือด้วยสบู่หรือใช้แอลกอฮอลล์ฆ่าเชื้อหลังจากการสัมผัสค่ะ

    *******************************

    ถาม : สามารถติดเชื้อไวรัสผ่านลูกบิดจับประตูหรือราวบันไดได้หรือไม่

    ตอบ : เนื่องจากก่อนหน้านี้มีคลิปของหญิงสาวถมน้ำลายที่ลูกบิดประตูจึงทำให้หลายๆคนสงสัยว่าสามารถติดเชื้อได้หรือไม่ ซึ่งสามารถติดเชื้อไวรัสดังกล่าวได้ค่ะเพราะไม่ว่าจะเป็นเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อไวรัสสามรถอยู่บนพื้นผิวต่างๆ

    *******************************

    ถาม : ไวรัสโคโรนารักษาหายได้หรือไม่

    ตอบ : การรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสชนิดนี้สารถรักษาในหายได้ค่ะ พบผู้ป่วยติดเชื้อที่รักษาหายและกลับบ้านได้กว่า 5 หมื่นรายค่ะ ซึ่งการรักษาเป็นการรักษาแบบประคับประคองตามอาการเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนรุนแรงค่ะ เนื่องจากยังไม่มียาสำหรับรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19โดยเฉพาะค่ะ

    *******************************

    ถาม : การฆ่าเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่

    ตอบ : สารทำความสะอาดที่สามารถทำลายเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อที่มีส่วนประกอบของเอทิลแอลกอฮอล์ ไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์ โซเดียมไฮโปคลอไรต์( Sodium hypochlorite) คลอโรไซลีนอล อัลคิลไดเมทิลเบนซิล แอมโมเนียมคลอไรด์ หรือเบนซัลโคเนียมคลอไรด์ เป็นต้น รวมถึงอุณหภูมิ 56 องศาเซลเซียส 20 นาที หรือ 60 องศาเซลเซียส 5 นาทีสามารถฆ่าเชื้อไวรัสได้ค่ะ

    *******************************

    ถาม : หน้ากากอนามัยสามารถป้องกันไวรัสได้หรือไม่

    ตอบ : แม้ว่าหน้ากากอนามัยจะป้องกันการดูดดมละอองฝอยน้ำลายหรือน้ำมูก แต่ก็มีข้อจำกัดของหน้ากากอนามัยในแต่ละประเภทค่ะ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญแนะนำวิธีการป้องกันที่ดีที่สุดคือการรักษาสุขอนามัยที่ดี การล้างมือบ่อยๆโดยเฉพาะก่อน-หลังการรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ รวมถึงควรหลีกเลี่ยงพื้นที่แออัดและพื้นที่เสี่ยงค่ะ

    ถาม : การล้างมือด้วยสบู่หรือเจลล้างมือสามารถฆ่าเชื้อไวรัสได้หรือไม่

    ตอบ : การล้างมือให้สะอาดนั้นคือการล้างมือที่ถูกตามขั้นตอนการล้างมืออย่างน้อย 20 วินาทีค่ะ ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งสบู่และเจลล้างมือที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ตั้งแต่ 60 – 70% ขึ้นไปค่ะ

    นอกจากนี้สำหรับท่านที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงความเข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัสและเฝ้าระวังอาการเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อให้กับผู้อื่นค่ะ

  • โควิด-19(COVID-19)

    โควิด-19(COVID-19)

    COVID-19 หรือที่รู้จักกันในชื่อ ไวรัสโคโรนา(coronavirus) พบการแพร่ระบาดครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน เดือนธันวาคม ค.ศ. 2019 ที่ผ่านมา และไวรัสโคโรนา

    ปัจจุบันมีการแพร่ระบาดในหลายๆประเทศซึ่งรวมถึงประเทศไทยค่ะ ไวรัสชนิดนี้ก่อให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันและสามารถติดต่อกันได้ง่ายผ่านจากการไอ จาม รวมถึงการใช้สิ่งของเครื่องใช้ที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสค่ะ  ดังนั้นเราไปทำความรู้จักกับโควิด-19 ให้มากขึ้นไปพร้อมๆกันค่ะ

    เชื้อไวรัสโคโรนาพบในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและสัตว์ปีก

    เชื้อไวรัสโคโรนาพบในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและสัตว์ปีก สามารถติดต่อได้ทั้งคน สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์ปีกและสัตว์เลื้อยคลาน และมีโอกาสกลายพันธุ์ได้สูงค่ะ การติดต่อระหว่างคนสู่คนได้จากผ่านละอองน้ำลายน้ำมูกจากการไอจาม ซึ่งในการจามในแต่ละครั้งพ่นได้ไกล 2-3 เมตร รวมถึงการขยี้ตาการสัมผัสใบหน้าหรือการนำสิ่งของเข้าปากโดยไม่ได้ล้างมือ เนื่องจากอาจสัมผัสกับสิ่งของต่างๆที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสค่ะ โควิด-19 เป็นไวรัสที่ก่อในเกิดโรคได้ทั้งในคนและสัตว์โดยเฉพาะโรคระบบทางเดินหายใจและทางเดินอาหารค่ะ ผู้ที่เสียเสียชีวิตจากโรคหวัดโคโรนา คือ กลุ่มผู้สูงอายุ 50 ปีขึ้นไป เด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี ผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคหลอดเลือด เป็นต้น เชื้อไวรัสชนิดนี้สามารถอยู่บนพื้นผิวเช่น โลหะ แก้ว ไม้ ฯลฯในอุณหภูมิห้องนาน 4 – 5 วัน หากอยู่ในสภาพอากาศเย็น( 4 องศาเซลเซียส)เชื้อจะสามารถอยู่ได้นานถึง 20 วันค่ะ แต่หากอุณหภูมิสูงขึ้นจะมีชีวิตสั้นลงค่ะ

    อาการของผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา

    อาการของผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา

    เชื้อไวรัสจะมีระยะฟักตัว 2 – 14 วัน โดยในระยะแรกจะมีอาการคล้ายกับโรคหวัดคือ มีไข้ ไอ จาม น้ำมูกไหล เจ็บคอ อ่อนเพลียและในบางรายอาจมีอาการท้องเสีย อาเจียมร่วมด้วยค่ะ ซึ่งส่วนใหญ่มักไม่แสดงอาการรุนแรงจึงทำให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสในสถานที่ต่างๆ และหลังจากนั้นจะมีอาการรุนแรงได้แก่ หอบเหนื่อย หายใจลำบาก แน่นหน้าอกและก่อให้เกิดภาวะปอดอักเสบรุนแรงเฉียบพลันตามมาซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตได้ค่ะ

    การป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19

    การป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19

    • ล้างมือด้วยน้ำสบู่หรือแอลกอฮอล์เจลอย่างน้อย 20 วินาที
    • หลีกเลี่ยงการขยี้ตา สัมผัสหน้า จมูกและปาก โดยไม่ได้ล้างมือ
    • หลีกเลี่ยงสถานที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัส 
    • สวมหน้ากากอนามัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องออกนอกบ้านไปในแหล่งชุมชน
    • หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย รวมถึงไม่ควรใช้สิ่งของเครื่องใช้ร่วมกับผู้อื่นค่ะ
    • รับประทานอาหารปรุงสุกโดยเฉพาะประเภทเนื้อสัตว์และไข่ให้สุกด้วยความร้อน
    • ทำความสะอาดพื้นผิวที่บ่อยๆ เช่น ลูกบิดประตู ราวบันได เป็นต้น
    • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และดื่มน้ำสะอาดมากๆ
    • ควรปิดปากและจมูกเวลาไอหรือจามทุกครั้ง ซึ่งอาจใช้คอเสื้อหรือข้อพับข้อศอก เป็นต้น
    • หากมีอาการป่วย มีไข้สูง ไอและมีน้ำมูก โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางหรือสัมผัสผู้ป่วยที่อาจติดเชื้อไวรัสโควิด19 ในช่วง 14 วัน ก่อนเริ่มมีอาการควรรีบพบแพทย์ทันทีค่ะ

    สารทำความสะอาดที่สามารถทำลายเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้แก่

    • 70-95% Alcohol (30 วินาที)
    • 0.5% Hydrogen peroxide (1 นาที)
    • 0.01% Sodium hypochlorite (1 นาที)
    • 0.23 – 0.47% Providine (15 วินาที – 1 นาที)
    • ความร้อน 56 องศาเซลเซียส 20 นาที , 60 องศาเซลเซียส 5 นาที

    (more…)

  • ไวรัสโคโรนา (Coronavirus)

    ไวรัสโคโรนา (Coronavirus)

    ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ ไวรัสอู่ฮี่น พบการแพร่ระบาดครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคปอดอักเสบ ส่งผลรุนแรงต่อระบบทางเดินหายใจซึ่งมีความรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต และสามารถติดต่อกันได้ง่ายผ่านสารคัดหลั่งน้ำลาย น้ำมูกจากการไอ จาม รวมถึงการรับประทานอาหารหรือใช้สิ่งของเครื่องใช้ที่มีการปนเปื้อนของเชื้อไวรัส ไวรัสโคโรมาสายพันธุ์ใหม่นี้สันนิษฐานว่าน่าจะเกิดจากเมนูเปิปพิศดารซุปค้างคาวที่กำลังเป็นกระแสนิยมในประเทศจีน

    อาการเบื้องต้นของผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา

    อาการของ โคโรน่า ไวรัส

    จะมีอาการางระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหวัดทำให้ส่วนใหญ่ไม่ทราบถึงความรุนแรงคือ มีไข้ หนาวสั่น ไอ จาม มีน้ำมูก เจ็บคอ หลังจากนั้นจะมีอาการรุนแรงมากขึ้น เช่น หายใจลำบากเหนื่อยหอบ เจ็บหน้าอกขณะไอหรือจาม และปอดอักเสบรุนแรงซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตได้ค่ะ

    กลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสอู่ฮั่นได้ง่าย คือ กลุ่มเด็กเล็กเนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรง สตรีตั้งครรภ์ กลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง ฯลฯ ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องเนื่องจากร่างกายไม่แข็งแรงพอจะสู้กับไวรัสจึงเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย คนดูแลใกล้ชิดผู้ป่วยซึ่งรวมไปถึงบุคลากรทางการแพทย์ค่ะ

    การรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 

    การรักษา โคโรน่า ไวรัส

    เนื่องจากตอนนี้ยังไม่มียาสำหรับต้านเชื้อไวรัสนี้โดยตรง ดังนั้นการรักษาจึงเป็นการรักษาตามอาการที่เกิดขึ้นเท่านั้นค่ะ เพื่อป้องกันบรรเทาอาการและป้องกันภาวะปอดอักเสบรุนแรง

    การป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

    การป้องกัน โคโรน่า ไวรัส

    – สวมหน้ากากอนามัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องออกนอกบ้านไปในแหล่งชุมชน

    – หลีกเลี่ยงพื้นที่ชุมชน สถานที่แออัดหรือสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน

    – หมั่นล้างมือให้สะอาด หลีกเลี่ยงการนำมือสัมผัสตา จมูก ปากเมื่อไม่จำเป็น

    – หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยที่มีอาการไอ จาม น้ำมูกไหล และมีเสมหะ

    – หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ที่ป่วยหรือใกล้ตาย

    – หลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น  เช่น ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ ผ้าเช็ดตัว เนื่องจากเชื้อก่อโรคทางระบบทางเดินหายใจสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ทางการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ

    – รับประทานอาหารปรุงสุกโดยเฉพาะประเภทเนื้อสัตว์และไข่ให้สุกด้วยความร้อน

    – นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และดื่มน้ำสะอาดมากๆ

    – ควรปิดปากและจมูกเวลาไอหรือจามทุกครั้ง

    – หากมีอาการป่วย มีไข้สูง ไอและมีน้ำมูก ควรรีบพบแพทย์