Tag: หน้ากากอนามัย

  • ประเภทของหน้ากากอนามัย และวิธีใส่หน้ากากอนามัยอย่างไรให้ปลอดภัย

    ประเภทของหน้ากากอนามัย และวิธีใส่หน้ากากอนามัยอย่างไรให้ปลอดภัย

    หน้ากากอนามัย หรือแมสปิดจมูก (Mask) คือหน้ากากสำหรับป้องกันฝุ่นละออง มลพิษและเชื้อโรคต่างๆเข้าสู่ร่างกายผ่านระบบทางเดินหายใจรวมถึงป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสหรือเชื้อแบตทีเรียสู่ผู้อื่นค่ะ แต่คุณทราบหรือไม่ว่าใส่หน้ากากอนามัยอย่างไรให้สามารถป้องกันเชื้อโรคต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด และบทความนี้จะพาคุณพ่อคุณแม่มาทำความเข้าใจถึงวิธีการใส่หน้ากากอนามัยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นค่ะ 

    หน้ากากอนามัยแบบต่างๆที่นิยมใช้ทั่วไป ได้แก่

    •  ชั้นนอกมีสีเข้มเนื่องจากมีสารเคลือบกันน้ำ ชั้นกลางสำหรับกรองเชื้อโรคและอีกชั้นเป็นวัสดุนุ่มเนื่องจากต้องสัมผัสกับผิวค่ะ หน้ากากชนิดนี้ส่วนใหญ่ใช้ในทางการแพทย์และทั่วไปสามารถหาซื้อได้ง่ายราคาไม่แพงเนื่องจากเป็นชนิดที่ใช้แล้วทิ้งค่ะ หน้ากากชนิดนี้ใช้สำหรับป้องกันเชื้อโรคผ่านทางการไอหรือจามได้ค่ะ

    หน้ากาก N95

    • หน้ากาก N95 หน้ากากชนิดนี้สามารถป้องกันเชื้อโรคหรือฝุ่นละอองทีมีขนาดเล็กมากๆได้ ส่วนใหญ่มักใช้ในการทำงานกับสารเคมีหรือทางการแพทย์ที่ต้องป้องกันการติดเชื้อสูง อาทิ การป้องกันเชื้อวัณโรค เป็นต้น ราคาแพงกว่าหน้ากากชนิดอื่นๆรวมถึงควรเลือกใช้ให้เหมาะสมเนื่องจากขนาดและยี่ห้อที่แตกต่างกันอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพในการใช้งานค่ะ

    หน้ากากอนามัยชนิดผ้า

    • หน้ากากอนามัยชนิดผ้า เป็นหน้ากากชนิดที่สามรถนำกลับมาใช้ใหม่ได้สามารถป้องกันฝุ่นขนาดใหญ่และกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ แต่ยังไม่มีการรับรองว่าสามารถป้องกันเชื้อไวรัสหรือเชื้อโรคต่างได้ เนื่องจากหน้ากากอนามัยแบบผ้าดูดซับความชื้นมากกว่าหน้ากากชนิดอื่น แต่ปัจจุบันหน้ากากอนามัยแบบผ้าสามารถใส่แผ่นกรองคาร์บอนได้ สำหรับป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่าง PM2.5 ได้ค่ะ

    วิธีใส่หน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธี

    การใส่หน้ากากอนามัยหรือที่เรียกอีกอย่างว่าแมสปิดจมูกอย่างถูกวิธีจะช่วยให้สามารถป้องกันเชื้อโรคต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นค่ะ และการใส่หน้ากากอนามัยควรปฏิบัติดังนี้

    • ล้างมือให้สะอาดถูกต้องก่อนและหลังการใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้ง เพื่อป้องกันการติดเชื้อที่ติดอยู่ที่มือค่ะ
    • เลือกหน้ากากอนามัยให้เหมาะสมกับในหน้า หากเป็นเด็กควรเลือกใช้หน้ากากอยามัยสำหรับเด็กเพื่อให้พอดีกับหน้าค่ะ
    • หน้ากากอนามัยประเภทใยสังเคราะห์สามชั้นหรือหน้ากาประเภททั่วไป ควรหันด้านสีเข้มไว้ด้านนอกเนื่องจากมีสารเคลือบสำหรับป้องการซึมผ่านของละอองน้ำ
    • จับสายคล้องหูทั้ง 2 ข้างสวมคลุมจมูกและปาก ดัดลวดให้แนบกับสันจมูกแบในหน้า และดึงด่านล่างให้คลุมใต้คางเป็นอันเรียบร้อยค่ะ
    • ไม่ควรสวมใส่หน้ากากร่วมกับผู้อื่นและระหว่างการใส่หน้ากากไม่ควรสัมผัสกับหน้ากากและสัมผัสกับดวงตาเพราะอาจทำให้ติดเชื้อโรคต่างได้ค่ะ
    • การใช้แอลกอฮอล์พ่นบนหน้ากากไม่ทำให้สามรถป้องกันเชื้อโรคได้ดีขึ้น

    เมื่อไหร่ที่ควรสวมหน้ากากอนามัย?

    • ป่วยเป็นโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัดใหญ่ วัณโรค เป็นต้น
    • ผุ้ที่ต้องดูแลผู้ป่วย โดยเฉพาะโรคที่ติดเชื้อทางเดินหายใจ
    • บุคลากรทางการแพทย์ เนื่องจากต้องให้การดูแลผู้ป่วย
    • เข้าไปในสถานที่ชุมชนหรือสถานที่แออัดอากาศถ่ายเทไม่สะดวก

    แม้ว่าหน้ากากอนามัยจะสามารถป้องกันเชื้อโรคได้ แต่สิ่งสำคัญในการป้องกันโรคต่างๆคือการปฏิบัติร่วมกับวิธีอื่นๆ ได้แก่ หลีกเลี่ยงแหล่งชุมชนโดยเฉพาะที่มีการแพร่ระบาดของโรค ล้างมือสม่ำเสมอโดยเฉพาะก่อนรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำทุกครั้ง หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดหรือการใช้สิ่งของเครื่องให้ร่วมกับผู้ป่วย การรับประทานอาหารปรุงสุกและหลากหลาก นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอและดื่มน้ำสะอาดมากๆ ในเด็กควรได้รับวัคซีนป้องกันโรคตามเกณฑ์ที่กำหนดค่ะ

  • ความสำคัญของหน้ากากอนามัย

    ความสำคัญของหน้ากากอนามัย

    การสวมหน้ากากอนามัยสามารถป้องกันเชื้อไวรัสได้หรือไม่ คำถามที่หลายๆท่านสงสัยเนื่องจากในช่วงที่นี้บ้านเรากำลังประสบปัญหามลพิษทางอากาศฝุ่น PM 2.5 และมีการแพร่ระบาดของเชื้อไว้รัสโคโรนา(โควิด-19)ที่มีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันและเกิดการกักตุนหน้ากากอนามัยส่งผลให้หน้ากากอนามัยหรือแมสปิดจมูกขาดตลาดอีกทั้งราคาค่อนข้างสูงค่ะ ดังนั้นวันนี้เราจะมาเทียบให้ดูชัดๆถึงประเภทของหน้ากากอนามัยแบบไหนควรใช้ในสถานการณ์ไหน และใครบางที่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยค่ะ 

    หน้ากากอนามัยหรือแมสปิดจมูกที่มีจำหน่ายตามท้องตลาดทั่วไป ได้แก่

    • หน้ากากอนามัยใยสังเคราะห์สามชั้น หรือหน้ากากทางการแพทย์ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าแมสปิดจมูก หน้ากากชนิดนี้นิยมใช้ทั่วไปโดยเฉพาะทางการแพทย์เป็นส่วนใหญ่ หาซื้อได้ง่ายราคาไม่แพงและเป็นชนิดที่ใช้แล้วทิ้งไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ สามารถป้องกันการติดต่อจากโรคระบบทางเดินหายใจจากการไอหรือจาม เช่น ไข้หวัด ฯลฯ มักใช้ในทางการแพทย์ค่ะ แต่ไม่สามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพเนื่องจากฝุ่นนี้มีอนุภาคเล็กมากกว่า 2.5 ไมครอนค่ะ 
    • หน้ากากอนามัย N95 เป็นหน้ากากอนามัยที่สามารถตอบโจทย์ในการป้องกันเชื้อไวรัส สารปนเปื้อนขนาดเล็กและฝุ่น PM2.5 ได้มีประสิทธิภาพสูงกว่าหน้ากากอนามัยทั่วไป และราคาแพงกว่าหน้ากากประเภทอื่นๆ ซึ่งหน้ากากชนิดนี้มักใช้ในการทำงานกับสารเคมีหรือทางการแพทย์ที่ต้องป้องกันการติดเชื้อสูงค่ะ
    • หน้ากากอนามัยแบบผ้า นิยมผลิตจากผ้าฝ้าย ผ้าสาลูสามารถซักนำกลับมาใช้ใหม่ได้และสามารถป้องกันฝุ่นขนาดใหญ่ได้แต่ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อหรือฝุ่นที่มีอนุภาคขนาดเล็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ในปัจจุบันมีการผลิตแผ่นกรองคาร์บอนที่สามารถใช้ร่วมกับหน้าอนามัยแบบผ้าได้และสามารถกรองฝุ่นขนาดเล็กและเชื้อโรคได้ค่ะ แต่ข้อเสียของหน้ากากผ้าคือไม่มีสารเคลือบป้องกันความชื้นจากการไอหรือจามค่ะ จึงเป็นทางเลือกสำหรับบุคคลทั่วไปที่ยังไม่ป่วยค่ะ

    หน้ากากอนามัยควรใส่เมื่อไร 

    คำแนะนำการใช้หน้ากากอนามัยจากสมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย ในสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา หรือ COVID-19 สำหรับประชาชนทั่วไป ได้แก่

    • สำหรับบุคคลทั่วไปที่สบายดี การสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาในที่สาธารณะ ไม่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสและอาจเพิ่มความเสี่ยงหากใช้ไม่ถูกวิธี เพราะจะเพิ่มโอกาสของการใช้มือสัมผัสใบหน้า ปากและจมูกค่ะ
    • ควรสวมหน้ากากอนามัยเมื่อ
    • ป่วยเป็นโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ เช่น มีอาการไอ จาม น้ำมูกไหล อาทิ ไข้หวัดใหญ่ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อสู่ผู้อื่น
    • บุคคลที่ต้องดูแลผู้ป่วยโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจใกล้ชิด
    • บุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องให้การดูแลผู้ป่วย
    • เข้าไปในสถานที่ชุมชนที่มีคนแออัด อากาศถ่ายเทไม่ดี เช่น ระบบขนส่งสาธารณะ โรงหนัง โรงพยาบาล เป็นต้น
    • หากจำเป็นต้องการจะใส่หน้ากากอนามัย ควรใส่อย่างถูกต้อง คือ ห้ามจับหน้ากากเมื่อใส่แล้ว หากถอดแล้วต้องทิ้งเลยห้ามใช้ซ้ำ ล้างมืออย่างถูกต้องก่อนและหลังใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการติดเชื้อค่ะ

    นอกจากนี้สำหรับครอบครัวที่มีเด็กการสวมใส่หน้ากากอนามัยอยากเป็นเรื่องยุ่งยาก โดยเฉพาะเด็กเล็กเมื่อใส่หน้ากากอนามัยซึ่งมักจะสร้างความรำคาญและทำให้หายใจไม่สะดวก ดังนั้นการป้องกันที่ดีที่สุดสำหรับเด็กคือการรักษาสุขอนามัยให้กับลูกน้อยได้แก่ การรักษาความสะอาดของใช้ส่วนตัวของลูก การล้างมือก่อนการสัมผัสลูกหรือการปรุงอาหารให้ลูกทาน ในเด็กโตควรฝึกให้เด็กล้างมือด้วยสบู่ก่อน-หลังรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำทุกครั้ง หลีกเลี่ยงการพาเด็กไปสถานที่ชุมชนโดยเฉพาะพื้นที่ที่มีการระบาดของเชื้อโรคค่ะ