วิธีช่วยเด็กสำลักอาหารหรือสิ่งแปลกปลอม
วิธีช่วยเด็กสำลักอาหารหรือสิ่งแปลกปลอม เด็กสำลักอาหารหรือสิ่งแปลกปลอมเป็นภัยใกล้ตัวกว่าที่คิด จากผลสำรวจพบว่าการเสียชีวิตในเด็กเล็กที่พบได้บ่อย คือ เกิดจากภาวะทางเดินหายใจถูกอุดกั้นจากสิ่งแปลกปลอม(choking) เนื่องจากเด็กเล็กชอบเอาสิ่งต่างๆเข้าปาก ทำให้เสี่ยงต่อการสำลักลงหลอดลมได้ คุณแม่สามารถป้องกันสิ่งแปลกปลอมอุดกั้นทางเดินหายใจของลูกได้ โดยหลีกเลี่ยงสิ่งของชิ้นเล็กๆให้แก่เด็กหรือเก็บให้พ้นจากมือเด็ก เช่น ลูกอม กระดุม ลูกปัด เมล็ดถั่ว เมล็ดข้าวโพด องุ่น ลูกเกด ขนมเยลลี่ เหรียญ หรือสิ่งของอื่นๆที่ขนาดเล็กกว่าเส้นผ่าศูนย์กลางของแกนกระดาษชำระ ซึ่งมีความเสี่ยงในการสำลักหรือติดคอได้ค่ะ รวมถึงน้ำหรือนมก็มีโอกาสทำให้ลูกสำลักได้เช่นกันค่ะ ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดคือ คุณแม่ควรสอนให้ลูกเคี้ยวอาหารให้ละเอียด ไม่ให้กินขณะนอนราบ ไม่พูดและหัวเราะหรือวิ่งเล่นขณะมีอาหารหรืออมน้ำอยู่ในปากค่ะ หากลูกมีอาการของการสำลักอาหารหรือสิ่งแปลกปลอม ร่างกายจะตอบสนองโดยการไอซึ่งเป็นกลไกการขับสิ่งแปลกปลอมออกจากท่อหลอดลม แต่ในกรณีที่สิ่งแปลกปลอมมีขนาดใหญ่พอที่จะอุดท่อหลอดลมจนทำให้เด็กหายใจไม่ได้โดยเฉียบพลัน ขาดออกซิเจน หัวใจหยุดเต้นและถึงขั้นเสียชีวิตได้ ดังนั้น การเรียนรู้วิธีการช่วยเหลือลูกในกรณีฉุกเฉินจึงเป็นเรื่องสำคัญมากค่ะ บทความนี้เราได้รวบรวมวิธีการช่วยเหลือเด็กจากการสำลักอาหารหรือสิ่งแปลกปลอมติดคอให้กับคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเล็กค่ะ การช่วยเหลือเด็กสำลักสิ่งแปลกปลอม กรณีที่ลูกยังหายใจได้ พูดได้ ร้องไห้มีเสียง คุณแม่ห้ามเอาสิ่งแปลกปลอมออกด้วยตัวเองค่ะ ถึงแม้ว่าจะเห็นว่าสิ่งนั้นติดอยู่ในปากลูกก็ตามค่ะ เพราะอาจจะทำให้สิ่งนั้นเข้าไปลึกมากขึ้นจนเข้าไปอุดหลอดลมได้ค่ะ สิ่งที่คุณแม่ควรทำ คือ การปลอบลูกไม่ให้ตกใจและรีบพาไปพบแพทย์ฉุกเฉินโดยเร็วที่สุดค่ะ และให้สังเกตการหายใจของลูกอย่างใกล้ชิดในระหว่างการเดินทางไปโรงพยาบาลค่ะ แต่ถ้าหากในกรณีที่ลูกสำลักสิ่งแปลกปลอมลงไปอุดกั้นท่อหลอดลมจนหายใจไม่ได้ พบว่าเด็กจะพยายามไอแต่ไม่มีเสียง พูดหรือร้องไห้ไม่มีเสียง หายใจไม่ได้ หน้าเขียว ตาเหลือกและหมดสติ คุณแม่ต้องทำให้สิ่งอุดกั้นหลุดออกจากหลอดลมโดยด่วน และรีบพาไปพบแพทย์ฉุกเฉินโดยเร็วที่สุดค่ะ วิธีช่วยเด็กสำลักอาหารหรือสิ่งแปลกปลอม […]