Tag: ตั้งครรภ์

  • ความแม่นยำของการอัลตราซาวน์คนท้อง

    ความแม่นยำของการอัลตราซาวน์คนท้อง

    โดยปกติเมื่อคุณแม่มาฝากครรภ์ แพทย์จะประเมินสุขภาพของคุณแม่และทารกในครรภ์ โดยการชั่งน้ำหนัก วัดความดันโลหิตตรวจปัสสาวะ ตรวจครรภ์และฟังเสียงหัวใจของทารกในครรภ์ นอกจากนี้จะถามถึงอาการผิดปกติที่อาจพบได้ในช่วงอายุครรภ์ต่างๆ

    ในกรณีที่ตรวจพบว่าคุณแม่มีน้ำหนักตัวขึ้นน้อย และท้องมีขนาดเล็กกว่าปกติของอายุครรภ์ที่ควรจะเป็น แพทย์จะตรวจวินิจฉัยต่อด้วยอัลตราซาวนด์ เพื่อประเมินทารกในครรภ์ โดยแพทย์จะตรวจวัดสัดส่วนของทารกในครรภ์ ตั้งแต่ศีระษะ ท้อง และกระดูกต้นขา ซึ่งจะสามารถคำนวณน้ำหนัก ซึ่งส่วนใหญ่เครื่องมือที่ใช้ตรวจอัลตราซาวนด์จะมีสูตรที่สามารถคำนวณน้ำหนักตัวทารกโดยอัตโนมัติอยู่แลัว และจะแสดงให้เห็นจากเครืองตรวจได้เลย

    ทั้งนี้ความแม่นยำของการประเมินน้ำหนักทารกในครรภ์โดยการใช้เครื่องตรวจอัลตราซาวนด์จะมากน้อยเพียงใด ก็ขึ้นกับความชำนาญของแพทย์ที่ตรวจวัด แพทย์ที่ได้รับการฝึกฝนและมีประสบการณ์ในการตรวจท่าทางของทารกในครรภ์ว่าอยู่ในลักษณะที่สามารถตรวจวัดได้ดีหรือไม่ เช่น ถ้าศีรษะทารกมีการเคลื่อนเข้าสู่อุ้งเชิงกรานมาก จะทำให้ความแม่นยำในการตรวจลดลง เพราะขนาดศีรษะที่วัดได้อาจจะน้อยกว่าความเป็นจริง ปริมาณน้ำคร่ำที่มีอยู่ก็มีส่วนสำคัญ เพราะถ้าน้ำคร่ำน้อยจะทำให้การวัดสัดส่วนของเด็กทารกทำได้ยาก

    อายุครรภ์ที่มาตรวจถ้าอยู่ในไตรมาสแรกมีความแม่นยำสูงสุด แต่ถ้าอยู่ในไตรมาสที่ 2 และ 3 จะมีความคลาดเคลื่อนมากขึ้น ประมาณ 1,2 และ 3 สัปดาห์ ตามลำดับของไตรมาส นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก เช่น การเคลื่อนไหวของเด็กทารกในขณะตรวจ คุณม่ที่มีน้ำหนักตัวมาก ผนังหน้าท้องหนา เป็นต้น

    การชั่งน้ำหนักและการตรวจประเมินขนาดมดลูกของคุณแม่ในการมาฝากครรภ์แต่ละครั้ง จะช่วยแพทย์ประเมินน้ำหนักของทารกในครรภ์เบื้องต้นได้ เพราะถ้าน้ำหนักคุณแม่ขึ้นน้อยเกินไป แม้ว่าคุณแม่สามารถกินอาหารได้ตามปกติก็จะบ่งบอกว่าเด็กทารกอาจมีการเจริญเติบโตช้าในครรภ์ โดยน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นตลอดการตั้งครรภ์จะประมาณ 12-15 กิโลกรัม และอาจจะขึ้นน้อยถ้าคุณแม่มีน้ำหนักตัวมาก และขึ้นได้มากกว่านี้ถ้าคุณแม่มีน้ำหนักตัวน้อยได้ เช่น ถ้าอายุครรภ์ 20 สัปดาห์หรือ 5 เดือน มดลูกควรมีขนาดประมาณระดับสะดืออายุครรภ์ 32 สัปดาห์หรือ 8 เดือน ก็ควรจะมีขนาดประมาณใต้ลิ้นปี่สัก 1 ฝ่ามือ เป็นต้น

    อย่างไรก็ตาม คุณแม่ที่มีลักษณะมดลูกที่ผิดปกติหรือผนังหน้าท้องหนาก็จะประเมินได้ยาก และความคลาดเคลื่อนสูงมาก จำเป็นต้องใช้อัลตราซาวนด์ในการประเมินร่วมด้วยต่อไป

    สำหรับคุณแม่ ถ้าตรวจอัลตราซาวนด์ประเมินแล้วพบว่าทารกในครรภ์มีความแข็งแรงปกติดี น้ำหนักตัวดี ก็ไม่ควรกังวลอีกต่อไปควรไปพบแพทย์ตามนัด และกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ในปริมาณที่เพียงพอ อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี อากาศถ่ายเทสะดวก ก็จะช่วยให้ทารกในครรภ์มีสุขภาพที่แข็งแรงค่ะ

    บทความที่เกี่ยวข้อง

  • คุณแม่แพ้ท้อง ตอน 8 เดือน ผิดปกติหรือไม่

    คุณแม่แพ้ท้อง ตอน 8 เดือน ผิดปกติหรือไม่

    ปกติคุณแม่แพ้ท้องได้ในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ ซึ่งเชื่อว่าเป็นผลมาจากการสร้างฮอร์โมนจากเนื้อรกในช่วงตั้งครรภ์ที่สูงขึ้น โดยเฉพาะฮอร์โมนเอชซีจี (human chorionic gonadotropin,hcg) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่มีความสัมพันธ์กับอาการคลื่นไส้อาเจียรได้มาก ยิ่งถ้าเป็นครรภ์แฝดจะมีการสร้างฮอร์โมนออกมามากกว่าครรภ์เดี่ยว ก็จะทำให้อาการแพ้ท้องมากกว่าครรภ์เดี่ยว แต่หลังจาก 3 เดือนไปแล้ว ระดับฮอร์โมนจะลดลง ทำให้อาการคลื่นไส้อาเจียรดีขึ้นและหายไปได้เองค่ะ

    ขณะนี้คุณแม่อายุครรภ์ 8 เดือนแล้ว แต่กลับมีอาการคลื่นไส้อาเจียรอีก อาจเกิดจากความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร เช่นมีภาวะการทำงานของลำไส้แปรปรวน อาหารเป็นพิษ หรือมีระบบการไหลเวียนเลือดในร่างกายที่ผิดปกติ ความดันโลหิตต่ำ เนื่องจากมดลูกไปกดทับเส้นเลือดดำใหญ่ในอุ้งเชิงกราน ทำให้เลือดไหลกลับหัวใจไม่สะดวก เลือดสูบไปเลี้ยงสมองไม่เต็มที่ ก็เกิดอาการแบบนี้และพบได้บ่อยพอสมควร นอกจากนี้ก็อาจเกิดจากภาวะซีด ระบบเกลือแร่ในร่างกายมีความผิดปกติ หรือมีการติดเชื้อของระบบใดระบบหนึ่งในร่างกาย เป็นต้น

    วิธีการแก้อาการแพ้ท้องของคุณแม่แพ้ท้อง 8 เดือน

    วิธีการแก้อาการแพ้ท้อง

    การปฏิบัติตัวเบื้องต้นก็คือการพักผ่อนเยอะๆให้เพียงพอ ดื่มน้ำมากๆ หลีกเลี่ยงการอยู่ในท่ายืนหรือนั่งเป็นเวลานานๆ เพื่อไม่ให้มดลูกกดทับเส้นเลือดนานเกินไป แต่ถ้าอาการไม่ทุเลาหรือเป็นมากขึ้นก็ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจร่างกายอย่างละเอียด

    แพทย์อาจจะต้องทำการตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ และพิจจารณาให้คุณแม่นอนในโรงพยาบาลเพื่อให้สารน้ำทางหลอดเลือด ซึ่งจะทำให้ร่างกายฟื้นเข้าสู่สภาวะปกติได้รวดเร็วขึ้น เพราะถ้าคุณแม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียรมาก อาจจะส่งผลเสียต่อเด็กในครรภ์ได้ เพราะช่วงอายุครรภ์ 8 เดือน เป็นช่วงที่เด็กมีการเจริญเติบโตรวดเร็วมาก อาจทำให้เกิดอาการขาดน้ำ ขาดสารอาหาร จนทารกมีการเจริญเติบโตช้าได้ หรือถ้าอาเจียรบ่อยๆ ก็จำทำให้คุณแม่มีอาการบีบเกร็งที่ผนังหน้าท้อง ไปกระตุ้นให้กล้ามเนื้อมดลูกมีการหดรัดตัว เกิดความเสี่ยงต่อการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนดได้ด้วยค่ะ

    บทความที่เกี่ยวข้อง

  • 10 อาการและพฤติกรรมความเสี่ยงที่ทำให้คลอดก่อนกำหนดและแท้งลูก คุณแม่ตั้งครรภ์เช็คด่วน

    10 อาการและพฤติกรรมความเสี่ยงที่ทำให้คลอดก่อนกำหนดและแท้งลูก คุณแม่ตั้งครรภ์เช็คด่วน

    ความกังวัลของคุณแม่หลายๆ ท่านที่กำลังตั้งครรภ์ เป็นอันดับต้นๆคือเรื่องของการคลอดก่อนกำหนด หรือการแท้งลูก เนื่องจากหากเด็กที่คลอดในขณะที่อยู่ครรภ์น้อยกว่า 28 สัปดาห์ ซึ่งแปลว่าโอกาสการรอดชีวิตของลูกแทบจะเป็นศูนย์ ซึ่งทางการแพทย์เด็กที่อายุครรภ์ยิ่งน้อยโอกาสรอดจะต่ำ และยังทำให้เด็กไม่สามารถเจริญเติบโตได้อย่างปกติ ยิ่งอายุครรภ์มากเด็กก็มีโอกาสรอดที่มากขึ้น ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

    • เด็กที่คลอดโดยมีอายุครรภ์ 22-23 สัปดาห์ โอกาสที่จะสามารถเลี้ยงเด็กให้รอด 17 %
    • เด็กที่คลอดโดยมีอายุครรภ์ 24-25 สัปดาห์ โอกาสที่จะสามารถเลีียงเด็กให้รอด 40-50 %
    • เด็กที่คลอดโดยมีอายุครรภ์ 26-28 สัปดาห์ โอกาสที่จะสามารถเลีียงเด็กให้รอด 80-90 %
    • เด็กที่คลอดโดยมีอายุครรภ์ 29-31 สัปดาห์ โอกาสที่จะสามารถเลีียงเด็กให้รอด 90-95 %
    • เด็กที่คลอดโดยมีอายุครรภ์ 32-33 สัปดาห์ โอกาสที่จะสามารถเลีียงเด็กให้รอด 95 %
    • เด็กที่คลอดโดยมีอายุครรภ์ 95-98 สัปดาห์ โอกาสที่จะสามารถเลีียงเด็กให้รอด 95-98 %

    แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าดิฉันมีความเสี่ยงที่จะคลอดก่อนกำหนด หรือแท้งลูก ดังนั้น ในครั้งนี้เรามีเช็คลิสกันว่าคุณแม่มีความเสี่ยงที่จะคลอดกำหนดหรือไม่ ด้วยกับ 10 อาการและพฤติกรรมอันตรายสำหรับคนที่กำลังตั้งครรภ์ มาฝากกันค่ะ

    10 พฤติกรรมกรรมและอาหารที่มีความเสี่ยงให้คุณแม่คลอดก่อนกำหนดและแท้งลูก

    คุณแม่มีมดลูกยืดขยายตัวหรือหดตัวมากเกินไป

    เนื่องจากอาการมดลูกยืดขยาดตัวหรือหดตัวมากเกินไปจะทำให้คุณแม่เกร็งและเป็นสาเหตุทำให้เข้าสู่ภาวะคลอดกำหนด ซึ่งอาจเกิดจากได้หลายสาเหตุ เช่น มีเนื้องอกในผนังมดลูก การขยายตัวของเด็กในครรภ์ที่ใหญ่เกินไป หรือมีปริมาณน้ำคร่ำที่มากจนเกินไป

    ปากมดลูกของคุณแม่สั้น

    ขนาดของปากมากมดลูกสั้นก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้คุณแม่คลอดน้องก่อนกำหนด ซึ่งขนาดที่สั้นคือขนาดน้อยกว่า 2.5 ซม. ซึ่งถ้าหากถามว่าจะรู้ได้อย่างไร คำตอบคือไปหาคุณหมอเพื่อทำการอัลตาซาวด์เพื่อทำการตรวจครรภ์

    คุณแม่มีมดลูกที่รูปร่างไม่เป็นปกติ

    ลักษณะที่ผิดปกติของมดลูก เช่น มดลูกจะเป็นลักษณะรูปทรงเหมือนรูปหัวใจ บริเวณโพรงมดลูกจะมีเนื้อเยื้อปิดกั้น มีโพรงมดลูก 2 โพรง มีเนื้องอกบริเวณมดลูก มดลูกพิการตั้งแต่กำเนิด เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้ คุณแม่จะมีความเสี่ยงที่จะคลอดลูกก่อนกำหนดทั้งนั้น

    คุณแม่ตั้งครรภ์ติดต่อมากเกินไป

    การตั้งท้องติดต่อกัน คือ คุณแม่ได้ทำการคลอดน้องได้ไม่นาน คุณแม่ก็เริ่มตั้งครรภ์ใหม่ในทันที ซึ่งสาเหตุดังกล่าวก็จะทำให้คุณแม่มีความเสี่ยงที่จะทำให้คุณแม่คลอดน้องก่อนกำหนด

    คุณแม่เคยมีประวัติการคลอดลูกก่อนกำหนด

    การที่คุณแม่เคยมีประวัติคลอดลูกก่อนกำหนดมาแล้ว คุณแม่ก็จะมีความเสี่ยงที่คลอดก่อนกำหนด และมีโอกาสเสี่ยงสูงมากกว่าสาเหตุอื่นๆ แต่คุณแม่ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะหากคุณหมดสักถามแล้วคุณแม่มีประวัติ คุณหมอก็จะทำการฉีดยาป้องกันให้ค่ะ

    คุณแม่มีอาการเลือดออกในขณะที่กำลังตั้งครรภ์

    เลือดออกในขณะที่กำลังตั้งครรภ์ สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งถึงแม้จะเกิดจากสาเหตุใดก็ตามก็ไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน ดังนั้น หากมีเลือดออกมาคุณแม่ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยในทันทีและทำการรักษา เพื่อป้องกันการส่งผลกระทบไปยังลูกของเราที่อยู่ในครรภ์

    คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์สูบบุหรี่

    การสูบบุหรี่ ไม่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งคำๆนี้ใช้ได้กับทุกเพศทุกวัย และโดยอย่างยิ่ง เป็นพฤติกรรมอันตรายและต้องห้ามอย่างมากสำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ เนื่องจาก คุณแม่จะมีความเสี่ยงต่อการที่คลอดก่อนกำหนด หรือทำให้คุณแม่แท้งลูกได้ ดังนั้น ห้ามเลยกับการสูบบุหรี่ระหว่างที่กำลังตั้งครรภ์ และอีกอย่างสำหรับคุณผู้ชายที่ชอบสูบหรี่และมีมีภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ ควรหลี่กเลี่ยงการสูบ หรือไม่ก็ไม่ควรเข้าใกล้ภรรยาในขณะที่สูบบหรี่ เพราะควันบุหรี่มันส่งผลต่อเด็กในท้องอย่างรุนแรง

    คุณแม่เกิดติดเชื้อระหว่างที่กำลังตั้งครรภ์

    การติดเชื้อในที่นี้หมายถึง การติดเชื้อจากการทำฟัน หรือการติดเชื้อจากทางเดินปัสสาวะก็ดี ก็สามารถทำให้คุณแม่มีความเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด ดังนั้น ในเวลาที่ไปฝากครรภ์ ตรวจครรภ์ ควรให้ความสำคัญทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยทั้งตัวคุณแม่และลูกของคุณแม่

    น้ำหนักตัวของคุณแม่น้อยเกินไป

    อีกสาเหตุหนึ่งที่คุณแม่ต้องคลอดลูกก่อนกำหนด คือ น้ำหนักตัวของคุณแม่น้อยเกินไป

    คุณแม่ตั้งครรภ์จากวิธีพิเศษ

    สำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์มาจากวิธีพิเศษ ที่ไม่ได้จากการตั้งครรภ์ที่มาจากธรรมชาติ แนวโน้มที่จะคลอดก่อนกำหนดก็เป็นไปได้สูงเช่นกัน ดังนั้น คุณแม่ที่อยู่ในข้อนี้ควรต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์เป็นพิเศษ

    วิธีการป้องกันไม่ให้คุณแม่เข้าสู่ภาวะคลอดก่อนกำหนด

    ป้องกันการคลอดก่อนกำหนด
    • ไม่ทำงานหนักจนเกินไป และพักผ่อนให้เพียงพอ
    • พยายามอย่าคิดเยอะ คิดมาก หลีกเลี่ยงความเครียด
    • ไม่กลั้นปัสสาวะ ถ้าไม่จำเป็น ถึงกลั้นก็อยากกลั้นจนไม่ไหว
    • รับประทานอาหารสำหรับคนท้อง คืออาหารที่มีสารอาหารให้ครบและเหมาะสำหรับคนท้อง
    • หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างตั้งท้อง หรือหากเลี่ยงเลี่ยงไม่ไหวก็ควรทำอย่างนุ่มนวล
    • ดูแลสุขภาพทางช่องปาก เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
    • งดเครื่องดื่ทแอลกอฮอร์ งดสูบบุหรี่ หรือสารเสพติดทุกชนิด
    • ให้ความสำคัญต่อการตรวจครรภ์ ในทุกๆ เดือน ไปตามหมอนัดทุกเดือน

    บทความที่เกี่ยวข้อง

  • เมื่อรู้ว่าท้อง ควรฝากครรภ์ตอนไหนดี

    เมื่อรู้ว่าท้อง ควรฝากครรภ์ตอนไหนดี

    คุณแม่หลายท่านมีข้อสงสัย โดยเฉพาะคุณแม่มือใหม่ ที่เพิ่งรู้ว่ากำลังตั้งครรภ์ เลยไม่รู้ว่าควรไปฝากครรภ์ตอนไหนดี เพราะบางตำราบอกว่าไม่จำเป็นต้องรีบไปฝากรอให้ครบ 12 สัปดาห์ก่อนก็ได้แล้วไปค่อยฝากครรภ์ แต่บางตำราก็บอกว่าถ้าหากรอถึง 12 สัปดาห์ก็อาจเสี่ยงต่อการแท้งลูกได้ เลยไม่รู้ว่าควรไปฝากตอนไหน ในครั้งนี้เรามารู้คำตอบกันว่าคุณแม่ทั้งหลายเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังตั้งท้องควรที่จะไปฝากครรภ์ในช่วงไหนกันค่ะ

    โดยทั่วๆไป เมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์ คุณแม่หลายๆท่านก็มีความกังวลจึงรีบไปหาคุณหมอเพื่อทำการฝากครรภ์ในทันที เพราะจะได้รู้ความผิดปกติอื่นๆ และก็ทำการตรวจเลือดเพื่อหาภาวะเสี่ยงต่างๆ โรคต่างๆ ที่สามารถติดได้ทางเพศสัมพันธ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในขณะที่กำลังตั้งท้อง โดยเฉพาะคุณแม่ที่มีอายุ 30 ปี หรือคุณแม่ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป คุณหมอก็จำเป็นต้องตรวจหาภาวะการเป็นเบาหวาน และคุณหมอก็จะแนะนำให้ทำการตรวจคัดกรองหรือวินิจฉัยเด็กทารกที่มีโคโมโซมที่ผิดปกติ รวมถึงเรื่องการปฏิบัติตัวและการเตรียมหัวนมเพื่อให้ลูกดูดนมในช่วงหลังคลอด

    ไม่เพียงเท่านี้ คุณแม่จำเป็นต้องรับยาโฟลิกไปรับประทานด้วย เพื่อเป็นการป้องกันให้ลูกเป็นโรคสมองพิการ และคุณแม่อาจจะได้รับยาแก้แพ้ เพื่อลดอาการแพ้ท้องในช่วงเริ่มแรกของการตั้งครรภ์ด้วย

    ในปัจจุบันเทคโนโลยีพัฒนาไปก้าวไกล ทำให้การตรวจคัดกรองความผิดปกติของเด็กในครรภ์ที่มี่มากกมายได้อย่างรวดเร็ว เช่น การตรวจอัลตราซาวนด์ เพื่อตรวจดูว่ามีการตั้งครรภ์ที่เป็นปกติหรือไม่ในโพรงมดลูก ไม่ใช่เป็นการตั้งครรภ์ที่ปีกมดลูก และตรวจดูว่าคุณแม่เป็นภาวะท้องลม ซึ่งจะได้รับการรักษาในทันทีหลังจากการวินิจฉัยในช่วงแรกของการตั้งครรภ์

    การตรวจวัดของอายุครรภ์จะสามารถตรวจได้แม่นยำที่สุด คือในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ โดยเฉพาะคุณแม่ที่มีประวัติการแท้งบ่อยครั้ง ในกลุ่มนี้คุณแม่จะได้รับยาป้องกันการแท้งลูกในทันที่ที่มีการตั้งครรภ์ เพราะหากรอให้อายุครรภ์ไปถึง 3 เดือน ก็ทำให้สายเกินไป ดังนั้น สรุปเรื่องการฝากครรภ์ ควรทำการฝากครรภ์ทันทีหลังจากทราบว่าตัวคุณแม่เองกำลังตั้งครรภ์ ซึ่งเพื่อความปลอดภัยทั้งตัวคุณแม่และตัวลูกของคุณแม่ เพราะหากรอนานจนเกินไป อาจจะต้องพบกับความเสี่ยงที่มากมายและสายเกินไปที่จะแก้ไขค่ะ

    การเตรียมตัวการฝากครรภ์

    อย่างแรกควรเลือกสถานที่การฝากครรภ์ที่ใกล้บ้านมากที่สุด ซึ่งสถานที่ของการฝากครรภ์ มีดังต่อไปนี้

    • โรงพยาบาล
    • คลีนิค
    • สถานีอนามัย (โรงพยาบาลประจำตำบล)
    • ศูนย์แม่และเด็ก
    • ศูนย์บริการทางการแพทย์

    หลักฐานเอกสารของการฝากครรภ์

    • บัตรประจำตัวประชาชนของคุณแม่ และคุณพ่อ
    • ประวัติการรักษา การแพ้ยา ประวัตการมีบุตร และโรคประจำตัว
    • ข้อมูลการมีประจำเดือนครั้งสุดท้าย

    ขั้นตอนการฝากครรภ์

    • แพทย์จะทำการซักประวัติต่างๆ อย่างละเอียด เช่น การตั้งครรภ์เมื่อไร ลักษณะวิธีการคลอด (เคยผ่านการคลอดมาแล้ว) ผ่านการทำแท้งหรือไม่ มีโรคประจำตัวหรือไม่ เคยมีประวัติการรักษาอะไรบ้าง และแพ้ยาอะไรหรือไม่ และซักประวัติของคนในครอบครัวเพื่อทำการตรวจหาความเสี่ยงต่างๆ
    • แพทย์จะทำการตรวจร่างกายอย่างละเอียด วัดความดันโลหิต มีการบวมตามร่างกายหรือไม่ ตรวจปริมาณน้ำตาลโปรตีนในปัสสาวะเพื่อดูความเสี่ยงเป็นภาวะครรภ์เป็นพิษหรือไม่
    • ตรวจครรภ์ โดยวิธีการคลำความสูงของมดลูกว่ามีความเหมาะสมกับอายุครรภ์หรือไม่
    • ตรวจการเต้นของหัวใจ หรือทำการอัลตราซาวด์ แต่ก็ขึ้นอยู่กับอายุครรภ์่
    • จัดยาที่เหมาะสมมาให้รับประทาน

    บทความที่เกี่ยวข้อง

  • การวางแผนทำงานตอนตั้งครรภ์

    การวางแผนทำงานตอนตั้งครรภ์

    ผู้หญิงในสมัยนี้เกือบทุกคนเป็น Working Woman ที่ทำงานทุกอย่างทั้งนอกบ้านและในบ้าน งานมากขนาดไหนก็ไม่หวั่นทำได้หมด เก่งกว่าผู้ชายหลายท่าน แต่เมื่อรู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ถึงจะเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่ตารางงานที่ทำในแต่ละวันก็รวนไปหมด ดังนั้นการวางแผนการทำงานตอนตั้งครรภ์เป็นเรื่องที่จำเป็น เพราะมันมีผลต่อลูกในท้อง รวมไปถึงการสร้างความมั่นใจให้กับเจ้านายหรือลูกน้อง

    เมื่อตั้งครรภ์จำเป็นต้องหยุดงานหรือไม่

    ในยุคสมัยนี้ ผู้หญิงจำเป็นต้องออกมาหางานทำเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว ซึ่งคุณแม่โดยเฉพาะคุณแม่มือใหม่จึงได้มีคำถามว่าจำเป็นต้องหยุดงานในระหว่างที่ตั้งครรภ์หรือไม่ และหากฝืนทำงานจะเป็นอันตรายหรือไม่

    สำหรับเรื่องนี้ไม่มีกฏอะไรตายตัว โดยทั่วไปการตั้งครรภ์ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการทำงาน ซึ่งถ้าร่างกายแข็งแรง และไม่ได้ทำงานที่หนักจนเกินไป ก็อาจสามารถที่จะทำงานไปได้จนถึงวันคลอด แต่อุปสรรคของคนที่ทำงานในระหว่างการตั้งครรภ์จะมีอาการอ่อนเพลียได้ง่าย ทำงานได้ไม่ยาวนานเหมือนปกติ และต้องการเวลาพักผ่อนมากกว่าปกติ ถ้าเป็นไปได้ควรหลีกเลี่ยงการทำงานที่หนัก แต่สำหรับคุณแม่ที่ทำงานเกี่ยวกับสารเคมีเป็นพิษ เอกซเรย์ หรือสารกัมมันตรังสี ควรงดการทำงานเพราะลักษณะงานมีความเสี่ยงต่อลูกในท้อง

    เมื่อได้ข้อสรุปแล้ว ควรบอกเจ้านายของคุณก่อนเพื่อนร่วมงาน ซึ่งเป็นมารยาทที่ควรทำและถือเป็นการให้เกียรติที่จะทราบเรื่องน่ายินดีก่อนใคร แต่ถ้าเป็นเพื่อสนิทการบอกก่อนก็ไม่เป็นไร แต่อย่าลืมบอกเพื่อนว่าอย่าเพิ่งบอกใคร

    การปรับไลฟ์สไตล์การทำงานตอนตั้งครรภ์

    คุณแม่ที่ทำงานนั่งโต๊ะ แม้ไม่ใช่งานหนัก แต่ต้องนั่งตลอดเวลา ไม่ค่อยลุกเดิน ทำให้ขาบวม ควรมีเวลายึดสายหรือออกกำลังพอควร หาเก้าอี้วางเท้าให้สูงขึ้นเพื่อให้เลือดไหลกลับเข้าหัวใจสะดวก และคุณแม่ที่ต้องนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์นานๆ ควรพักสายตาและผ่อนคลายกล้ามเนื้อบ้าง ควรหยุดพัก 15 นาที ทุก 2 ชั่วโมง และอย่าอั้นปัสสาวะ จนเสี่ยงต่อการเกิดทางเดินปัสสาวะอักเสบ

    ข้อควรระวังในการทำงานระหว่างการตั้งครรภ์

    • หลี่กเลี่ยงการเดินที่บ่อยมากเกินไป
    • หลีกเลี่ยงการยืนเป็นเวลานานๆ
    • หลีกเลี่ยงการยกยองที่หนัก แต่หากมีความจำเป็นก็ให้ใช้วิธีการงอเข่าหลังเหยียดตรง เพื่อปล่อยน้ำหนักไว้ที่ต้นขาจะช่วยไม่ให้ปวดหลัง
    • ขยับ ปรับอิริยาบถ ร่างกายบ่อยๆ หลีกเลี่ยงการอยู่ท่าใดท่าหนึ่งเป็นเวลานานๆ
    • หากจำเป็นต้องนั่งนานๆ ควรมีพนักพิงที่เอียงประมาณ 110-120 องศา หรืออาจเสริมเบาะสำหรับพิงเพื่อจะได้นั่งให้ก้นชิดพนักพิง
    • ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่สบายๆ ไม่รัดรูป และงดสวมใส่รองเท้าส้นสูง

    บทความเที่เกี่ยวข้อง

  • ลูกไม่ดิ้น อันตรายที่แม่ต้องระวัง

    ลูกไม่ดิ้น อันตรายที่แม่ต้องระวัง

    หนึ่งในประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นที่สุดในการตั้งครรภ์คือ การรู้สึกว่าลูกน้อยของคุณเคลื่อนไหวเป็นครั้งแรก ซึ่งการเคลื่อนไหวเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าลูกของคุณยังมีชีวิตอยู่และพัฒนาได้ดีค่ะ แต่เมื่ออายุครรภ์มากขึ้นลูกในท้องกลับดิ้นน้อยลง ซึ่งอาจสร้างความกังวลให้กับคุณแม่หลายๆท่านโดยเฉพาะคุณแม่มือใหม่ ดังนั้นวันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยเกี่ยวกับอัตราการดิ้นหรือการเคลื่อนไหวของลูกในครรภ์ รวมถึงการดิ้นแบบไหนที่เป็นอันตรายและควรพบแพทย์ทันทีค่ะ

    การเคลื่อนไหวของทารกในระหว่างตั้งครรภ์

    คุณจะเริ่มรู้สึกการเคลื่อนไหวของทารกในเดือนที่ 4 ของการตั้งครรภ์หรือสัปดาห์ที่ 16 ของการตั้งครรภ์ ซึ่งในช่วงแรกลักษณะของเต้นตุ๊บๆ และจะเคลื่อนไหวมากขึ้นตามอายุครรภ์ค่ะ ได้แก่ อายุครรภ์ 20 สัปดาห์อัตราการดิ้นของลูกเฉลี่ยประมาณ 200 ครั้งต่อวัน และเมื่ออายุครรภ์ได้ 30 – 32 สัปดาห์อัตราการดิ้นของลูกน้อยอาจสูงถึง 375-700 ครั้งต่อวันค่ะ 

    ลูกดิ้นแบบไหนถือว่าผิดปกติ 

    การดิ้นของลูกจะเพิ่มขึ้นและแรงขึ้นตามอายุครรภ์ค่ะ เนื่องจากขนาดตัวที่ใหญ่ขึ้นและพื้นที่ในท้องน้อยลงทำให้คุณแม่รู้สึกว่าลูกดิ้นแรงขึ้นและอาจสร้างความกังวลหรือข้อสงสัยว่าลูกดิ้นแบบนี้ผิดปกติไหม หากลูกดิ้นแรงเป็นปกติต่อเนื่องไปจนถึงใกล้คลอดเป็นเรื่องปกติค่ะไม่ต้องกังวลใดๆค่ะ แต่ถ้าหากพบว่าลูกดิ้นแรงมากจากนั้นลูกไม่ดิ้นอีกเลยหรือไม่มีแม่แต่เต้นตุ๊บๆ โดยเฉพาะใกล้คลอดควรไปพบแพทย์ทันทีค่ะ

    สาเหตุที่ทำให้การเคลื่อนไหวของลูกในครรภ์น้อยลง

    ความถี่ของการเคลื่อนไหวของทารกอาจขึ้นอยู่กับน้ำคร่ำในตัวของคุณ พื้นที่ในท้องหรือเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายของคุณ แต่อาจมีเหตุผลอื่นด้วยได้แก่

    • เมื่อเข้าสู่ไตรมาสที่ 3 การนอนหลับของลูกน้อยในครรภ์อาจส่งผลให้การขยับตัวอาจจะ 45 นาทีถึง 1 ชั่วโมงต่อครั้งค่ะ
    • เมื่อคุณเข้าสู่การตั้งครรภ์ได้ 38 สัปดาห์ทารกอาจเข้าอุ้มกระดูกเชิงกรานและเตรียมพร้อมสำหรับการคลอด และหากโพรงมดลูกของคุณแม่แคบจนลูกน้อยไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ซึ่งเป็นอันตรายต่อลูกน้อยในครรภ์ถึงขั้นเสียชีวิตได้ค่ะ
    • อายุครรภ์มากหรือเกินกำหนด ทำให้รกเสื่อมสภาพส่งผลให้ปริมาณอาหารและออกซิเจนที่ส่งผ่านรกไปยังลูกน้อยลดน้อยลง ซึ่งภาวะรกเสื่อมสภาพมีความเสี่ยงสูงต่อการเสียชีวิตในครรภ์ได้ค่ะ

    ทารกแต่ละคนเติบโตขึ้นและเคลื่อนไหวตามจังหวะของตนเองตามปัจจัยต่างๆค่ะ ดังนั้นการติดตามความเคลื่อนไหวของลูกน้อยในครรภ์มีความสำคัญมากต่อการเจริญเติบโตและความปลอดภัยของลูกน้อยค่ะ หากคุณแม่มีข้อสงสัยหรือพบความผิดปกติของการดิ้นควรรีบปรึกษาแพทย์ทันทีค่ะ 

https://idntpin.nas.gov.ua/ https://pafimalangbong.org/ https://hmjcr.co.in/ https://himpsisumatera.org/ https://himpsibangkabelitung.org/ https://hipmikepseribu.org/ https://sofs.org.ua/ https://himpsimalut.org/ https://himpsimalut.org/ https://himpsijembrana.org/ https://himpsidenpasar.org/ https://www.part4d.com/ http://www.cialbuy.com/ https://www.tihamah.net/ https://quantumjuggling.com/ https://pollmyspace.com/ https://atle-bolivia.org/

https://journal.infopolis.gr/

https://ijonse.net/

https://insightsjhr.com/

https://cafeenglish.org/ https://www.istes.org/ https://insightsjlss.com/ https://globalarchives.in/ http://superkiway.com/

slot999

slot bet 200

toto jitu sgp

toto 4d

Slot Bet 200

cerita 18+

https://faktanyabola.id/

slot gacor 2025

slot777

prediksi togel

slot88

SLOT777

SLOT THAILAND

slot bet 200

MATAUANGSLOT

MATAUANGSLOT

https://pafigalungung.org/

Link Slot Gacor

Slot RP APK Gacor

MPO SLOT 88

Situs Alternatif Mpo Slot

Mpo Slot Mudah Maxwin

MPO SLOT 88 Gacor

Slot88

Slot 777

slot bet kecil

situs toto

situs toto

matauangslot

slot777

situs toto

situs toto

toto 4d

slot88

slot777

scatter hitam

https://www.prasetiyamulya.org/

https://togelmatauang.com/

https://slotvipmatauang.com/

https://folsomfelines.org/

https://68.183.224.199/

https://frenchysymphony.com/

https://lunetwork.org/

https://formationsantedroit.org/

https://teamromany.com/

https://hidetanakake.com/

https://profheshamsalaheldin.com/

https://neighboursreview.com/

https://brittanygilbertdesign.com/

https://menlotool.com/

https://leadnepal.com/

https://toyotasuphanburi.com/

https://cospicuascouts.org/

https://nwaeast.org/

https://lhjhkxclinxia.com/

https://cafeelemani.com/

https://arbeloproperty.com/

https://vorousviewvie.com/

https://guvenlikisilani.com/

https://federationbeninbasket.com/

https://mahlerrecords.com/

https://yourhappinessquest.com/

https://thoriumxtablet.com/

https://ellahathaun.com/

https://comiteproanimal.org/

https://krilamusic.com/

https://robert-grenier.com/

https://bedtimebuy.com/

https://homeosoins.com/

https://iglesiacccvmalaga.org/

https://munongogodefroid.com/

https://indieoteque.com/

https://pulselifemag.com/

https://inspirationmatters.org/

https://darpinostudiogallery.com/

https://dpna-digital.com/

https://archivofotografiaurbana.org/

https://man1kotamadiun.sch.id/

https://universitaspertamina.id/

https://journals.aloysianpublications.com/

https://upm.stkippgrisumenep.ac.id/ https://failoften.net/ https://bpindonesia.com/ https://profngoerahhospitalbali.org/

Situs Toto Macau

> https://profngoerahhospitalbali.org/ https://www.rsubj.org/ https://www.lesprivatinsan.org/

slot dana

https://pecindonesia.id/

https://newprimagama.id/

https://balimedhospital.id/

https://baliroyalhospital.id/

https://rscitrahusada.id/

https://rsia-grhabunda.id/

https://rsmramata.id/

https://rsroyaltaruma.id/

https://changinternationalcircuit.com/

https://www.vansthailand.com/

https://kingpowerbangkok.com/

https://erawanhotel.org/

slot dana

slot bet 200

slot dana

slot dana

slot dana

slot dana

matauangslot

FOR4D

slot dana

KOTA NABIRE KOTA SIAK KOTA TIGARAKSA KABUPATEN SENTANI

matauangslot

slot777

slot dana

slot dana

slot dana

https://www.pusatmeki.com/ https://vaporivape.com/