ตารางวัคซีนที่เหมาะสมแต่ละช่วงวัย
วัคซีนที่ต้องฉีดตามกำหนด มีความจำเป็นและสำคัญเหมาะสมในแต่ละช่วงวัย ซึ่งรวมๆแล้ว ถ้าฉีดครบก็เป็นเกาะป้องกันสุขภาพร่างกายป็นอย่างดี
วัคซีนที่ต้องฉีดตามกำหนด มีความจำเป็นและสำคัญเหมาะสมในแต่ละช่วงวัย ซึ่งรวมๆแล้ว ถ้าฉีดครบก็เป็นเกาะป้องกันสุขภาพร่างกายป็นอย่างดี
หลังจากคุณแม่คลอดแล้ว หมอเด็กจะนัดให้มาพบเมื่อลูกอายุ 1 เดือนเพื่อตรวจสุขภาพ และดูความผิดปกติที่อาจแอบซ่อนอยู่ แต่ถ้าคุณแม่มีข้อสงสัยที่เป็นเรื่องเร่งด่วนเกี่ยวกับลูก ไม่ต้องรอให้ถึงวันนัดก็พบกับแพทย์ได้ เพราะถ้ารอเนิ่นนานไปอาจเป็นอันตรายได้ คุณแม่มือใหม่ควรจดจำคำถามเตรียมไว้หมอจะตอบให้เข้าใจ สมุดบันทึกสุขภาพประจำตัวลูก หลังจากที่คลอดลูกแล้วทางโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลจะมอบสมุดประจำตัวเล่มเล็กๆ ไว้ให้สำหรับบันทึกสุขภาพ น้ำหนักแรกเกิดส่วนสูง และการได้รับวัคซีนป้องกันโรค รายงานเกี่ยวกับสุขภาพด้านต่างๆ จะจดบันทึกไว้ในสมุดเล่มเล็กนี้ ให้เก็บไว้อย่างดี อย่าทำหาย โดยปกติ หมอจะนัดให้รับวัคซีนป้องกันคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก และโปลิโอตามช่วงวัย เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรคต่างตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้ ส่วนวัคซีนอื่นที่มีเพิ่มขึ้นมา ถ้าคุณแม่อยากจะฉีดให้ลูกก็ปรึกษากับแพทย์ได้ ส่วนใหญ่คุณแม่มักจะพาลูกไปรับวัคซีนตามโรงพยาบาลที่คลอด แต่ถ้าไม่สะดวกอาจนำลูกไปที่ศูนย์บริการสาธารณสุข หรือคลินิกที่สะดวก อย่าลืมพกสมุดบันทึกสุขภาพประจำตัวลูกไปด้วยทุกครั้ง ควรปรึกษาหมอเมื่อไร ที่โรงพยาบาลจะมีแผ่นพับแจกให้คุณมาเพื่อบอกอาการผิดปกติของลูกว่าควรพาลูกไปพบแพทย์ได้หรือยัง อาการที่ควรปรึกษาแพทย์ เช่นลูกดูซีดเซียว อ่อนเพลีย ซึมมาก ไม่สนใจอะไร หงุดหงิด ร้องโวยวาย กระสับกระส่าย เมื่อต้องพบผู้เชี่ยวชาญ ถ้าลูกป่วยไม่หายสักที คุณต้องการพบผู้เชี่ยวชาญโรคนั้นโดยเฉพาะให้บอกกับหมอประจำที่ดูแลอยู่ได้ ปัจจุบันการแพทย์เจริญก้าวหน้ามากมีการรักษาที่ต้องแยกแยะละเอียดย่อยๆ เช่น ระบบลำไส้ ระบบประสาท หู คอ จมูก ตา ฯลฯ ถ้าลูกเป็นอยู่เรื่อยๆ ให้สงสัยไว้ก่อนว่าจะเป็นโรคนั้น ก็ควร […]
ไวรัสตับอักเสบบี เป็นโรคตับที่เกิดจากการติดเชื้อที่ร้ายแรงชนิดหนึ่งของตับ ไวรัสตับอักเสบบีเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นไวรัสที่มีเลือด น้ำเชื้อ และน้ำหลั่งอย่างอื่น เช่น น้ำเหลือง เป็นพาหะเนื่องจากมันถูกส่งผ่านจากบุคคลหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่งผ่านทางเลือดหรือของเหลวที่มีเลือดอยู่ในนั้น และส่วนใหญ่จะหายไปภายในหนึ่งถึงสองเดือนโดยไม่ต้องรักษา โรคไวรัสตับอักเสบชนิดบีนั้นแบ่งได้เป็น 2 ชนิด ได้แก่ ไวรัสตับอักเสบบีขนิดเฉียบพลัน และไวรัสตับอักเสบบีขนิดแบบเรื้อรังค่ะ อาการไวรัสตับอักเสบบีในเด็ก ไวรัสตับอักเสบบี ส่วนใหญ่ส่งผลกระทบต่อเซลล์ตับ เมื่ออยู่ในร่างกายไวรัสทำให้เซลล์เหล่านี้ตายสามารถทำให้ตับถูกทำลายและเกิดภาวะตายวายได้ค่ะ ในเด็กที่เป็นโรคตับอักเสบบีส่วนใหญ่จะไม่แสดงอาการรุนแรงและกลายเป็นพาหะเรื้อรังค่ะ ไวรัสตับอักเสบบีชนิดเฉียบพลันอาการที่พบบ่อยที่สุดคือ ผิวสีเหลืองและตา(ดีซ่าน) ปัสสาวะสีเข้มและอุจจาระสีอ่อน อาการอื่นๆ ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ผื่น ปวดข้อ เป็นต้น บางรายอาจมีอาการรุนแรงอาจทำให้เกิดภาวะตับวายได้ ในส่วนของไวรัสตับอักเสบชนิดเรื้อรังจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มพาหะจะไม่มีอาการแต่สามารถแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้ และกลุ่มตับอักเสบเรื้อรังพบบ่อยในเด็กที่ติดเชื้อตั้งแต่แรกเกิดค่ะ การวินิจฉัยไวรัสตับอักเสบบีตรวจจากเลือดเพื่อตรวจการอักเสบของตับ สำหรับกรณีเรื้อรังอาจจำเป็นต้องตรวจชิ้นเนื้อตับค่ะ การรักษาไวรัสตับอักเสบบี การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเฉียบพลันอาการของโรคไวรัสตับอักเสบบีสามารถดูแลที่ได้ที่บ้านและรักษาได้ด้วยยา ในส่วนของโรคตับอักเสบเรื้อรังอาจได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสเพื่อลดความเสียหายของตับแต่ไม่สามารถรักษาการติดเชื้อได้ค่ะ ซึ่งการรักษาโรคไวรัสตับอักเสบบีในเด็กคือการพักผ่อนและหยุดกิจกรรมตามปกติเป็นระยะเวลาเหนึ่ง การดื่มน้ำมากๆให้เพียงพอต่อร่างกาย และที่สำคัญมากๆคือต้องพบแพทย์ตามนัดเพื่อต้องตรวจสอบสภาพของตับค่ะ เพราะมีความเสี่ยงของการเกิดแผลเป็นและตับวายได้ค่ะ การป้องกันไวรัสตับอักเสบบี สิ่งสำคัญสำหรับเด็กคือต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบบี โดยผู้ที่ควรฉีดวัคซีนมากที่สุดคือ เด็กแรกเกิดค่ะ สุขภาพของลูกน้อยเป็นสิ่งสำคัญเป็นจุดเริ่มต้นของการเจริญเติบโตเหมาะสมกับวัยค่ะ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสำคัญของการฉีดวัคซีนค่ะ เพราะการฉีดวัคซีนเพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่างๆในเด็กค่ะ
การฉีดวัคซีนสำหรับเด็กๆเป็นสิ่งจำเป็นที่คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสำคัญโดยเฉพาะวัคซีนพื้นฐานที่เด็กๆควรได้รับในแต่ละช่วงวัย เพื่อลดอาการเสี่ยงของการเกิดโรคต่างๆ ลดความพิการและการเสียชีวิตค่ะ เนื่องจากเด็กๆโดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปีมีความเสี่ยงสูงต่อการเจ็บป่วยได้ง่ายค่ะ ด้วยระบบการทำงานของร่างกายภูมิต้านทานต่อเชื้อโรคต่างๆต่ำกว่าช่วงวัยอื่นๆ ซึ่งในปัจจุบันวัคซีนป้องกันโรคจำแนกออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ วัคซีนกลุ่มพื้นฐาน เป็นวัคซีนที่เด็กๆทุกคนต้องได้รับตั้งแต่แรกเกิด ถึงอายุ 12 ปี ได้แก่ บีซีจี, ตับอักเสบบี, คอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน-ตับอักเสบบี, โปลิโอชนิดหยอด, โปลิโอชนิดฉีด, หัด-คางทูม-หัดเยอรมัน, ไข้สมองอักเสบเจอี เป็นต้น ซึ่งสามารถรับวัคซีนได้ที่ที่สถานบริการสาธารณสุขของรัฐ เช่น รพ.ส่งเสริมสุขภาพตำบล โรงพยาบาลของรัฐ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายค่ะ วัคซีนกลุ่มทางเลือกหรือวัคซีนเสริม เป็นวัคซีนกลุ่มที่นอกเหนือจากวัคซีนกลุ่มพื้นฐานที่คุณพ่อคุณแม่สามารถเลือกฉีดหรือไม่ก็ได้ เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการฉีดตามแต่ละประเภทของวัคซีนและบริการของโรงพยาบาลนั้นๆ เช่น วัคซีนป้องกันโรคท้องเสียจากไวรัสโรต้า, วัคซีนไข้หวัดใหญ่, วัคซีนอีสุกอีใส, วัคซีนตับอักเสบเอ เป็นต้น ก่อนฉีดวัคซีนสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องทราบ เพื่อประโยชน์ต่อตัวลูกน้อยและคุณพ่อคุณแม่ค่ะ เพราะวัคซีนเป็นวิธีการเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคที่สำคัญค่ะ นอกจากการไปตามนัดของคุณหมอแล้วสิ่งที่คุณแม่ต้องทราบ ได้แก่ หากลูกมีอาการไอ น้ำมูกไหล หรือถ่ายเล็กน้อย สามารถฉีดวัคซีนได้ แต่ถ้าลูกป่วยมีไข้สูงควร ให้รอ 1 สัปดาห์หรือให้ลูกหายก่อนแลัวค่อยฉีดค่ะ วัคซีนไอกรน ไอกรน คอตีบ […]
การฉีดวัคซีนเป็นหนึ่งทางเลือกในการลดความเสี่ยงของการเจ็บป่วยของเด็ก เพราะเด็กเล็กมักเจ็บป่วยได้ง่าย เนื่องจากภูมิคุ้มกันของร่างกายยังเจริญเติบโตไม่สมบูรณ์ ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคต่างๆได้ง่ายค่ะ โดยเฉพาะเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ถึงแม้ว่าจะได้รับการดูแลสุขภาพจากคุณอย่างดีก็ตาม ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดในการปกป้องลูกน้อยจากโรคเด็กที่พบบ่อย คือการฉีดวัคซีนป้องกันโรคค่ะ และปัจจุบันมีวัคซีนรวมที่มีการรวม 6 โรคไว้ในเข็มเดียว เจ็บครั้งเดียวแต่สามารถปกป้องลูกน้อยจาก 6 โรคในเด็ก ซึ่งสามารถฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 (อายุ 2 เดือน) เข็มที่ 2(อายุ 4 เดือน) และเข็มที่ 3(อายุ 6 เดือน) ดังนั้นในบทความนี้เรานำข้อมูลดีๆเกี่ยวกับวัคซีนรวมมาฝากคุณแม่ค่ะ 6 โรคอันตรายในเด็กสามารถป้องกันได้ในวัคซีนเข็มเดียว ได้แก่ โรคคอตีบ(Diphtheria) คอตีบ เป็นโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจจากเชื้อแบคทีเรียรุนแรงแบบเฉียบพลัน สามารถติดต่อได้ง่ายจากการไอ จาม สัมผัสกับผู้ป่วยหรือสิ่งของเครื่องใช้ที่มีการปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรีย ทำให้อวัยวะในลำคอบวม หายใจลำบาก กล้ามเนื้ออักเสบ และอาจทำให้เสียชีวิตได้เนื่องจากเกิดการอุดกั้นของระบบทางเดินหายใจค่ะ โรคไอกรน(Pertussia) ไอกรน เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียบอร์เดเทลลา เพอร์ทัสซิส(Bordetella pertussis) ซึ่งสามารถติดต่อได้ง่ายจากผ่านการไอ จาม หรือการหายใจร่วมกับผู้ที่ติดเชื้อเป็นเวลานาน โดยเชื้อโรคจะกระจายอยู่ในละอองน้ำมูก น้ำลายหรือเสมหะของผู้ป่วย การเกิดโรคในระยะแรกอาการจะคล้ายกับโรคหวัดธรรมดา จากนั้นจะมีอาการไออย่างรุนแรงหรือไอติดต่อกันต่อเนื่องจนทำให้หายใจไม่ทัน […]
การฉีดวัคซีนในเด็กเป็นสิ่งจำเป็นต้องได้รับการฉีดเพื่อป้องกันการเกิดโรคต่างๆในเด็ก และหลังจากฉีดวัคซีนมักตามมาด้วยผลข้างเคียงต่างๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องปกติสำหรับเด็กๆแต่ก็มักสร้างความกังวลความไม่สบายใจให้กับคุณพ่อคุณแม่ค่ะ เมื่อเห็นลูกน้อยเจ็บป่วยหรือไม่สบายตัว บทความนี้จะพาคุณพ่อคุณแม่มาหาคำตอบและวิธีการรับมือผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนในเด็กค่ะ การฉีดวัคซีนคือกระบวนการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน การป้องกันโรคในเด็ก เนื่องจากเด็กมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของเด็กยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ และในการฉีดวัคซีนบางชนิดมักส่งผลข้างเคียงหลังการฉีดวัคซีน ซึ่งอาจเป็นเรื่องปกติสำหรับเด็กบางรายและส่วนใหญ่จะแสดงอาการที่ไม่รุนแรงสามารถบรรเทาและหายภายในไม่กี่วันค่ะ แต่มีวัคซีนบางชนิดที่อาจแสดงผลข้างเคียงหลังจากได้รับวัคซีนนาน 5 – 12 วัน เช่น วัคซีน MMR เป็นต้น โดยทั่วไปอาการข้างเคียงหลังจากฉีดวัคซีนที่พบบ่อยมีดังนี้ มีไข้ ซึ่งเป็นอาการข้างเคียงที่พบได้บ่อยที่สุด ลูกน้อยอาจมีไข้ตลอด 24 ชั่วโมงถึง 48 ชั่วโมง คุณพ่อคุณแม่สามารถให้ยาลดไข้แก่ลูกน้อยได้ค่ะ รอยแดงบริเวณที่ฉีด โดยปกติจะลดลงและหายไปเองใน 3 – 4 วัน บวมหรือก้อนแข็งใต้ผิวหนังบริเวณที่ฉีด เนื่องจากเลือดออกที่เกิดขึ้นใต้ผิวหนังอาการนี้อาจใช้เวลา 2-3 วัน นอนหลับ ลูกน้อยอาจรู้สึกง่วงนอนเป็นพิเศษ อ่อนเพลียได้ค่ะ หงุดหงิด ร้องไห้งอแง เนื่องจากความเจ็บปวดและความรู้สึกไม่สบายจากการฉีดวัคซีน อาการข้างเคียงดังกล่าวเป็นอาการที่พบได้บ่อยและไม่รุนแรงค่ะ ซึ่งหากพบว่าลูกน้อยมีอาการอึดอัด กระสับกระส่ายมาก อาการชัก หายใจลำบาก ผื่นขึ้น อาเจียน ท้องเสีย ฯลฯ ควรรีบพบแพทย์ทันที […]