4 ปรอทวัดไข้ สำหรับเด็กที่พ่อแม่นิยมใช้

ปรอทวัดไข้มีกี่แบบ และแบบไหนเหมาะสำหรับลูกคุณ

เมื่อลูกตัวร้อนสิ่งแรกที่คุณใช้สำหรับการวัดไข้ได้นั้น คือการใช้หลังมือซึ่งสามารถบอกได้เพียงว่าลูกของคุณตัวร้อนหรือกำลังมีไข้ แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าลูกมีไข้สูงในระดับที่เป็นอันตรายหรือไม่ และจะดีกว่าไหมหากมีปรอทวัดไข้ไว้กับบ้าน เพื่อวัดอุณหภูมิลูกรักของเรา ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักและวิธีใช้งานปรอทวัดไข้ในแต่ละแบบกันค่ะ เนื่องจากในท้องตลาดมีปรอทวัดไข้สำหรับเด็กหลากหลายแบบ ซึ่งอาจสร้างความสับสนในการเลือกใช้หรือควรใช้อย่างไร และแบบไหนที่แม่นยำที่สุด เพื่อให้การวัดไข้ลูกอย่างถูกต้องค่ะ

ปรอทวัดไข้แบบธรรมดา หรือปรอทวัดไข้แบบแก้ว

1. ปรอทวัดไข้แบบธรรมดา หรือ ปรอทวัดไข้แบบแก้ว

ปรอทวัดไข้แบบธรรมดา หรือปรอทวัดไข้แบบแก้ว นิยมใช้ทั่วไปเนื่องจากราคาไม่แพง หาซื้อได้ง่ายค่ะ และสามารถวัดได้หลายจุดในร่างกาย ได้แก่ ทางปาก ทางรักแร้ ทางทวารหนัก เป็นต้น

วิธีใช้ปรอทวัดไข้แบบธรรมดา

การใช้เทอร์โมมิเตอร์ (ปรอทวัดไข้) ชนิดนี้ ควรทำความสะอาดด้วยแอลกอฮอล์ก่อนทุกครั้ง และควรตรวจสอบให้แน่ใจว่า แถบบอกอุณหภูมิอยู่ต่ำกว่า 36 องศาเซลเซียส ด้วยการสะบัดปรอทวัดไข้ก่อนใช้งานค่ะ และวิธีการใช้จะแต่งกันไปตามตำแหน่งที่ใช้งานดังนี้

  • การวัดไข้ทางปาก เหมาะสำหรับเด็กที่มีอายุ 5 ปี ขึ้นไป ซึ่งควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าลูกของคุณไม่มีอะไรตกค้างในช่องปาก จากนั้นนำปรอทวัดไขสอดเข้าปากบริเวณใต้ลิ้น อมไว้ประมาณ 3-4 นาที จนกว่าค่าอุณหภูมิจะหยุดนิ่งค่ะ
  • การวัดไข้ทางรักแร้ เหมาะสำหรับเด็กแรกเกิด – 5 ปี โดยการนำปรอทวัดไข้สอดเข้าไปในรักแร้ให้ปลายปรอทที่ใช้วัดอยู่บริเวณกึ่งกลางของรักแร้ หนีบไว้อย่างน้อย 4 นาที จนค่าอุณหภูมิหยุดนิ่งค่ะ
  • การวัดไข้ทางก้น เหมาะสำหรับเด็กแรกเกิด หรือเด็กเล็ก โดยการนำปรอทวัดไข้มาทาด้วยสารหล่อลื่น เพื่อลดการเสียดสีทางทวาร จับให้ลูกนอนคว่ำจากนั้นค่อยสอดปรอทวัดไข้เข้าไปในก้นอย่างระมัดระวัง ประมาณ 1.25 – 2.5 เซนติเมตร ค้างไว้ 2 นาที ให้ค่าอุณหภูมิหยุดนิ่ง การวัดทางก้นจะได้ค่าอุณหภูมิที่แม่นยำสูงกว่าตำแหน่งอื่น แต่การวัดด้วยวิธีนี้จะต้องมีความระมัดระวังเพราะอาจได้รับบาดเจ็บจากการวัดได้ค่ะ

ข้อดี/ข้อเสียปรอทวัดไข้แบบธรรมดา

  • ข้อดี ปรอทวัดไข้แบบแก้ว ราคา ไม่แพง ใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยาก
  • ข้อเสีย มีความเปาะบาง ตกแตกง่าย ไม่เหมาะสำหรับเด็กที่ยังอมไม่เป็น หรือไม่ให้ความร่วมมือ หรือเด็กที่มีโอกาสชักจากไข้ที่สูง และอ่านค่ายาก หากคนใช้ไม่ชำนาญ

ปรอทวัดไข้แบบดิจิตอล

2.ปรอทวัดไข้แบบดิจิตอล

ปรอทวัดไข้แบบดิจิตอล สามารถใช้งานได้ในทุกช่วงอายุ การใช้งานคล้ายกับปรอทวัดไข้แบบธรรมดาหรือแบบแก้ว แต่ ให้การอ่านที่แม่นยำกว่าผ่านหน้าปัดตัวเลขดิจิทัล มีเสียงเตือนเมื่อค่าอุณหภูมินิ่งและสามารถวัดได้หลายจุดในร่างกาย ได้แก่ การวัดไข้ทางปาก การวัดไข้ทางรักแร้ การวัดไข้ทางทวารหนัก เป็นต้น

วิธีการใช้ปรอทวัดไข้แบบดิจิตอล

  • การวัดไข้ทางปาก เป็นการวัดอุณหภูมิจากใต้ลิ้นโดยให้ปลายเทอร์โมมิเตอร์อยู่ลิ้น เหมาะสำหรับเด็กที่สามารถสื่อสารได้แล้ว ควรหลีกเลี่ยงการใช้ปรอทวัดไข้นี้กับเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี เพราะอาจกัดจนปรอทแตกได้ค่ะ
  • การวัดไข้ทางรักแร้ ด้วยการหนีบปลายเทอร์โมมิเตอร์ไว้ที่ใต้รักแร้ ซึ่งเป็นวิธีที่สะดวกและง่ายแต่อาจได้ผลไม่แม่นยำเท่ากับการวัดทางปากหรือทางทวาร เหมาะสำหรับการวัดไข้ในเด็กแรกเกิดหรือเด็กเล็ก
  • การวัดไข้ทางทวารหนัก ด้วยการเสียบปลายเทอร์โมมิเตอร์เข้าไปทางก้น เป็นวิธีที่นิยกใช้วัดไข้เด็กแรกเกิดหรือเด็กเล็ก ซึ่งควรทำอย่างระมัดระวังเพราะการเสี่ยงต่อการได้รับบาดเจ็บค่ะ

ข้อดี/ข้อเสีย ปรอทวัดไข้แบบดิจิตอล

  • ข้อดี สะดวกใช้งานง่าย มีเสียงแจ้งเตือนเมื่อถึงการอ่านค่าที่แสดงการวัดไข้
  • ข้อเสีย อาจเสียง่ายเมื่อมีการตกหล่นหรือกระแทก และไม่ควรนำไปล้างน้ำให้เปียกทั้งปรอท ควรเช็ดทำความสะอาดแค่บริเวรส่วนปลายที่ใช้วัดไข้

เครื่องวัดอุณหภูมิแบบแถบเทปวัดไข้

3.เครื่องวัดอุณหภูมิแบบแถบเทปวัดไข้

แถบวัดอุณหภูมิสามารถใช้ได้กับทุกวัย สะดวก ปลอดภัยและสามารถอ่านค่าได้อย่างรวดเร็ว

วิธีใช้แบบแถบเทปวัดไข้

  • ควรเช็ดเหงื่อบริเวณหน้าผากของลูกให้แห้งเสียก่อน
  • นำแถบเทปวัดไข้วางทาบลงบนกลางหน้าผากของลูกทิ้งไว้ประมาณ 15 วินาที ค่าความร้อนจะค่อยๆปรากฏขึ้นค่ะ

ข้อดี/ข้อเสีย แถบเทปวัดไข้

  • ข้อดี สะดวกใช้งานง่าย สามารถวัดไข้ได้โดยไม่ต้องปลุกลูกหากกำลังหลับอยู่
  • ข้อเสีย อาจมีความคลาดเคลื่อนได้ หากใช้งานไม่ถูกวิธี เช่น ใช้ในขณะที่ลูกมีเหงื่อออกมาก วางในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้อง เป็นต้น

เครื่องวัดอุณหภูมิแบบอินฟราเรด

4.เครื่องวัดอุณหภูมิแบบอินฟราเรด สำหรับใช้วัดทางหูหรือทางหน้าผาก

เครื่องวัดอุณหภูมิแบบอินฟราเรด สามารถใช้ได้กับทุกช่วงอายุได้รับความนิยมใช้ในสถานพยาบาลต่างๆ ใช้งานง่าย ปลอดภัยและอ่านค่าความร้อนได้แม่นยำแต่มีราคาแพงกว่าปรอทวัดไข้ประเภทอื่น เครื่องวัดอุณหภูมิประเภทนี้อ่านความร้อนอินฟราเรดจากด้านในของหูหรือหน้าผาก

วิธีใช้เครื่องวัดอุณหภูมิแบบอินฟราเรด

  • การวัดไข้ทางหู โดยการใส่เครื่องเข้าไปในรูหู ทำการดึงใบหูเพื่อให้เครื่องวัดอุณหภูมิอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม และควรวัดซ้ำ 2-3 ครั้งเพื่อหาค่าเฉลี่ยของอุณหภูมิค่ะ
  • การวัดไข้ทางหน้าผาก โดยการยิงแสงวัดไข้ไปที่บริเวณหน้าผ้าของลูกน้อย จากนั้นเครื่องก็จะแสดงค่าการวัดไข้ผ่านหน้าจอค่ะ

ข้อดี/ข้อเสียเครื่องวัดอุณหภูมิแบบอินฟราเรด

  • ข้อดี สามารถตรวจวัดอุณหภูมิของร่างกายได้แม่นยำ ปลอดภัยและรวดเร็ว
    ข้อเสีย ราคาค่อนข้างแพง วิธีการใช้และการดูแลรักษาเครื่องอาจมีความยุงยากและควรระมัดระวังมากกว่าแบบอื่นค่ะ

นอกจากนี้ การเลือกเครื่องวัดที่มีคุณภาพและเหมาะสมกับการใช้งานแล้ว คุณแม่ควรศึกษาวิธีการใช้งานที่ถูกวิธีตามคำแนะนำด้วยนะคะ เพื่อการใช้งานได้ปลอดภัยและถูกต้องแม่นยำค่ะ

การอ่านค่าปรอทวัดไข้

ปรอท เป็นเครื่องมือทางการแพทย์ซึ่งในปัจจุบันปรอทวัดไข้มีหลายแบบด้วยกัน เช่น แบบธรรมดาคือแบบแก้ว   แบบดิจิตอล แบบแถบวัดไข้ และแบบอินฟาเรด ซึ่งหน้าที่ของปรอทใช้เพื่อวัดอุณหภูมิของร่างกาย สังเกตอาการผู้ป่วยและช่วยในการวินิจฉัยโรค

การแปลค่าตัวเลขของปรอท

  • 41 องศาเซลเซียน ขึ้นไป         เรียกว่า             ไข้สูงมาก
  • 39-41 องศาเซลเซียน               เรียกว่า             ไข้สูง  
  • 38-39 องศาเซลเซียน               เรียกว่า             ไข้ปานกลาง
  • 37-38 องศาเซลเซียน               เรียกว่า             ไข้เล็กน้อย
  • 36.5-37 องศาเซลเซียน            เรียกว่า             อุณหภูมิปกติ
  • 35.5-36.5 องศาเซลเซียน         เรียกว่า             อุณหภูมิต่ำกว่าปกติ