โรคหัดกุหลาบ (Roseolar Infantum)

โรคหัดกุหลาบ

โรคหัดกุหลาบ
โรคหัดกุหลาบโรคใกล้ตัวเด็กๆ โรคนี้จะสวยงามเหมือนชื่อหรือไม่ และเป็นอันตรายค่อตัวลูกน้อยอย่างไร วันนี้แอดมินจะพาคุณพ่อคุณแม่มาทำความรู้จักกับโรคนี้กันค่ะ ตามมาเลยจ้า….

โรคหัดกุหลาบ (Roseolar Infantum) หรือ ส่าไข้
โรคไข้ออกผื่นที่พบได้บ่อยในทารกและเด็กเล็ก เกิดจากการติดเชื้อไวรัส Human Herpesvirus 6 (HHV-6) และ 7 (HHV-7) เป็นเชื้อไวรัสพวกเดียวกับไวรัสที่ทำให้เกิดโรคเริม เชื้อโรคหัดกุหลาบจะมีระยะฝักตัว 5 – 15 วันหลังจากได้รับเชื้อ ซึ่งสามารถติดต่อได้โดยการสัมผัสเชื้อไวรัสที่มีอยู่ในน้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วยโรคหัดกุหลาบ เช่น การไอ จาม เป็นต้น

อาการโรคหัดกุหลาบ ในระยะแรกเด็กจะมีไข้สูงเฉียบพลัน 39.5 – 40.5 องศาเซลเซียส ซึ่งอาจทำให้เด็กชักได้ หรือตัวร้อนอยู่ตลอดเวลา ไม่มีอาการหวัดหรือไอ ไม่มีอาการซึมสามารถลุกขึ้นมาเล่นได้ทั้งๆที่มีไข้สูง หลังจากนั้น 3 วัน ไข้ลดลงก็จะมีผื่นเล็กๆ สีชมพูหรือสีแดงคล้ายกุหลาบขึ้นทั่วลำตัว ขนาด 2 – 5 มิลลิเมตร ไม่ก่อให้เกิดอาการคัน เมื่อเอามือกดผื่นจะจางซีดลง ในเด็กบางคนอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ท้องเสีย ตาแดง คอแดงหรือมีแผลอักเสบที่เพดานปาก ต่อมน้ำเหลืองบริเวณหลังหูหรือท้ายทอยโต หรือมีการอักเสบที่แก้วหูร่วมด้วย เป็นต้น อาการจะดีขึ้นหลังจากผื่นขึ้น 2 – 3 วัน โดยที่ผื่นจะจางหายไปเองแต่ผิวหนังบริเวณที่ผื่นขึ้นจะลอกหรือมีรอยคล้ำตามมาโรคหัดกุหลาบนี้เมื่อเป็นแล้วมักจะไม่เป็นซ้ำอีกค่ะ

การรักษาโรคหัดกุหลาบ จะเป็นการักษาตามอาการ เช่น เมื่อมีไข้ควรเช็ดตัวและให้ทานยาลดไข้ ยาแก้ท้องเสีย ดื่มเกลือแร่ เพื่อป้องการไม่ให้เกิดภาวะขาดน้ำ เป็นต้น ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ต้องคอยสังเกตอาการลูก ระวังไม่ให้มีไข้ขึ้นสูงเพราะอาจทำให้เด็กชักได้ค่ะ เมื่อพบว่าเด็กมีอาการซึมลง 3-5 วันไข้ไม่ลดลง อาเจียน หายใจหอบ หรือไม่ปัสสาวะนานเกิน 4 – 6 ชั่วโมง ควรรีบพาเด็กไปโรงพยาบาลทันทีค่ะ

ภาวะแทรกซ้อนโรคหัดกุหลาบ มักเกิดขึ้นเมื่อเด็กมีอาการชักจากไข้ขึ้นสูง ส่งผลต่อการทำงานของสมอง อาจทำให้เกิดโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ สมองอักเสบ ปอดบวม และตับอักเสบได้

การป้องกัน โรคหัดกุหลาบยังไม่มีวัคซีนป้องกันค่ะ คุณพ่อคุณแม่สามารถป้องกันได้ด้วยการหลีกเลี่ยงการพาเด็กคลุกคลีกับผู้ป่วย หลีกเลี่ยงการพาเด็กไปในที่ชุมชน เนื่องจากเด็กมีภูมิต้านทานเชื้อโรคต่ำทำให้เจ็บป่วยได้ง่ายค่ะ รักษาสุขลักษณะการล้างมือด้วยน้ำสบู่ก่อนและหลังการรับประทานอาหาร และไม่เอามือเข้าปากค่ะ