ในช่วงที่คุณแม่ตั้งครรภ์ก็มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับอาหารคนท้องในการกินในแต่ละวัน เนื่องจากอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายของลูกที่อยู่ในท้อง ซึ่งความเป็นจริงแล้วคุณแม่ไม่จำเป็นต้องกังวล เพราะทารกที่ครรภ์จะได้รับสารอาหารผ่านทางสายสะดือและรกตลอดเวลา ซึ่งคุณแม่แค่รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์มีสารอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารในกลุ่มสารอาหารโปรตีน เช่น เนื้อสัตว์ ถั่ว ผักผลไม้สด ที่จะอุดมไปด้วยวิตามินจากธรรมชาติและเกลือแร่มากมาย ดังนั้นคุณแม่ก็ไม่จำเป็นต้องกินอาหารเสริมวิตามินแต่อย่างใด แต่สำหรับคุณแม่บางคน ที่ไม่ค่อยได้กิน หรือกินไม่เพียงพอจริงๆ ในครั้งนี้ จะมาแนะนำวิตามินอาหารเสริมเพื่อบำรุงสำหรับคนท้อง เพื่อบำรุงร่างกายตัวเองและกับลูกที่อยู่ในครรภ์ ให้เพียงพอและสุขภาพแข็งแรง ว่ามีอะไรกันบ้างค่ะ
อาหารเสริมบำรุงคนท้อง 10 ชนิด ดังนี้
กรดโฟลิก
กรดโฟลิก มีความสำคัญกับคนท้องโดยช่วยในการป้องกันความผิดปกติของเด็กที่อยู่ในครรภ์ เช่น ภาวะหลอดประสาทไม่ปิด (neural tube defects) ซึ่งจะไปมีผลต่อสมองและไขสันหลัง จะช่วยให้เด็กในครรภ์มีสุขภาพที่แข็งแรง ปริมาณของกรดโฟลิกสำหรับคนท้องต่อวัน คือ 400 ไมโครกรัม โดยเริ่มรับประทานกรดโฟลิกได้ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์และรับประทานอย่างต่อเนื่องจนไปถึง 12 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ เพื่อช่วยในการบำรุงครรภ์ให้ครรภ์มีสุขภาพที่ดี กรดโฟลิกจากแหล่งธรรมชาติ จะมีอยู่ในอาหารจำพวก ผักโขม / หน่อไม้ฝรั่ง / ผักตระกูลกระหล่ำ เช่น กระหล่ำปลี บล็อกโคลี่ เป็นต้น / ผักกาดหอม / ตับวัว / พืชตระกูลถั่ว / พืชตระกูลหัว เช่น หัวผักกาด บีทรูท เป็นต้น / มะละกอ / อาหารอื่นๆ เช่น ผักชีฝรั่ง สาหร่ายทะเล สควอช แตงกวา ยี่หร่า พริก กระเทียม มะเขือเทศ ราสเบอร์รี่ แตงโม มะเขือ ข้าวโพด อะโวคาโด เมล็ดทานตะวัน ส้ม ส้มโอ และผักคะน้า
ธาตุเหล็ก
ธาตุเหล็ก มีความจำเป็นต่อคนท้อง เพราะธาตุเหล็กเป็นองค์ประกอบสำคัญในเม็ดเล์อดแดง ทั้งในแม่และเด็กในท้อง ซึ่งมีหน้าที่ช่วยส่งออกซิเจนในร่างกายของแต่ละวัน ดังนั้นควรได้รับสารอาหารจำพวกธาตุเหล็กต่อวันประมาณ 17 มิลลิกรัม เพื่อทำให้เม็ดเลือดแดงมีสุขภาพที่แข็งแรง ธาตุเหล็กจากแหล่งธรรมชาติ จะมีอยู่ในอาหาร จำพวก ตับ เลือด และเนื้อสัตว์ต่างๆ / ธัญพืช แป้งไข่ และผักสีเขียวเข้ม / อาหารทะเล ปลา เป็ด ไก่ และไข่แดง / อัลมอนด์ ซีเรียล ข้าวโอ๊ต ถั่วแดง ถั่วดำ และจมูกข้าวสาลี / ข้าวเสริมธาตุเหล็ก ข้าวหอมนิล และข้าวสายพันธุ์ 313 / แครอท ฟักทอง และมะเขือเทศ / กระเทียม พริก และขมิ้น / น้ำว่านหางจระเข้
แคลเซียม
ความสำคัญของแคลเซียมสำหรับคนท้อง คือจะช่วยในการป้องกันไม่ให้คุณแม่สูญเสียมวลกระดูก เพราะเด็กอยู่ในครรภ์จะดึงแคลเซียมจากแม่ไปใช้สร้างกระดูกในตัวเด็ก เพื่อความแข็งแรงให้กับกระดูก ดังนั้นคุณแม่ที่กำลังตั้งท้องควรรับประทานแคลเซียมอย่างน้อย 200-300 มิลลิกรัมต่อวัน แคลเซียมจากธรรมชาติจะอยู่ในอาหารจำพวก ส้ม / เมล็ดงา / คะน้า / บล็อกโคลี่ / ข้าวโอ๊ต / ถั่วขาว / ปลาซาร์ดีน / ถั่วแระ หรือถั่วแระญี่ปุ่น / นมถั่วเหลือง / อัลมอนด์ / เต้าหู้ /ปลาแซลมอน
ไอโอดีน
ไอโอดีนเป็นอีกสารอาหารที่สำคัญสำหรับคนท้องเป็นอย่างมาก เพราะมีหน้าที่สำคัญต่อต่อมไทรอยด์ เพราะหากคนท้องขาดสารอาหารไอโอดีน จะส่งผลให้เด็กในท้องมีสภาพที่แคระแกรน มีความผิดปกติทางสมอง ส่งผลให้หูเป็นน้ำหนวก และไม่เพียงเท่านี้ถ้าได้รับไอโอดีนไม่เพียงพอจะทำให้คุณแม่คลอดก่อนกำหนด หรือถ้าร้ายไปกว่านั้นถึงขั้นเด็กเสียชีวิตได้ ดังนั้น สารไอโอดีนคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ต้องได้รับไอโอเดีนอย่างน้อยวันละ 175-200 ไมโครกรัม แหล่งอาหารที่มีไอโอดีน คือ อาหารทะเล เช่น ปลาทะเล สาหร่ายทะเล กุ้งทะเล ปูทะเล เป็นต้น / ผลิตภัณฑ์จากนม / ไข่ / น้ำมันตับปลา / กระเทียม / ผักกาดเขียว / ผักขม / โยเกิร์ต / เมล็ดงา ถั่วเมล็ดแบน / สตอรอเบอรรี่ / เกลือทะเล
ผลิตภัณฑ์เสริมไอโอดีนทุกชนิด เช่น เกลือเสริมไอโอดีน น้ำดื่มเสริมไอโอดีน ซีอิ้วขาวเสริมไอโอดีน ไข่สดเสริมไอโอดีน กล้วยตากเสริมไอโอดีน
วิตามินซี
วิตามินซีเป็นอีกสารอาหารสำหรับคนท้องที่จะช่วยในการป้องกันไม่ให้แท้งบุตร และช่วยเสริมสุขภาพให้ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์มีสุขภาพดี ดังนั้น คนท้องควรรับประทานวิตามินซีประมาณวันละ 70 มิลลิกรัม วิตามินซีจะอยู่ในผักผลไม้ เช่น พริกหวาน / บล็อกโคลี่ / ผักคะน้า / ผักปวยเล้ง / ใบมะรุม / ส้ม / มะขามป้อม / สตอรอเบอร์รี่ / ฝรั่ง / ลิ้นจี่
วิตามินอี
สำหรับคนท้องแล้ว วิตามินอีมีความสำคัญมาก เพราะวิตามินอีจะช่วยให้ช่วงเวลาตกไข่ตรงเวลา จะง่ายสำหรับการคำนวณไข่ตกเพื่อในการตั้งท้อง และจะช่วยส่งเสริมการพัฒนาเซลล์เม็ดเลือดและพัฒนากล้ามเนื้อของเด็กในครรภ์ ดังนั้น คุณแม่ควรรับประทานวิตามินอีต่อวันๆละ 10 มิลลิกรัม วิตามินอีจากแหล่งธรรมชาติจะอยู่ใน เช่น อัลมอลด์ / บล็อกโคลี่ / ผักโขม / มะเขือเทศ / มะม่วง / เนยถั่ว / เมล็ดทานตะวัน / น้ำมันคาโนล่า / อะโวคาโด / ผักปวยเล้ง / มันหวาน / ฟักทอง
วิตามินดี
วิตามินดี จะช่วยในการเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกระดูกให้แก่เด็กในท้อง ทำให้โครงสร้างกระดูกของเด็กในท้องมีความแข็งแรงสมบูรณ์และโตขึ้น ดังนั้น คุณแม่ควรรับประทานอาหารที่มีวิตามินดีวันละ 400 มิลลิกรัม แหล่งอาหารที่มีวิตามินดี เช่น น้ำมันตับปลา / ปลาเทราท์ / นมสด / ปลาแซลมอล / ปลาทู / ปลาทูน่า / ปลาซาดีน / แฮม / ไข่ปลาคาร์เวีย / ไข่ไก่ / เนื้อไก่ / เห็ด / เนื้อไก่งวง / ชีส
สังกะสี
สำหรับคนตั้งครรภ์ สังกะสีจะมีประโยชน์ในการช่วยให้ระบบสืบพันธุ์ทำงานได้ดี ช่วยในการแบ่งเซลล์ไข่ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ และมีความสำคัญในการช่วยในการเจริญเติบโตของเซลล์ของเด็กในครรภ์ เพื่อให้ครรภ์ของคุณแม่มีสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์ ดังนั้น คุณแม่ควรรับประทานอาหารที่มีสารอาหารสังกะสีต่อวันประมาณ 15 มิลลิกรัม แหล่งอาหารที่มีสังกะสี เช่น เนื้อสัตว์ทุกประเภท / ตับ / นม / เนย / ปู / กุ้ง / ไข่ / หอยนางรม / พวกพืชผัก เช่น ข้าวกล้อง เมล็ดทานตะวัน เมล็ดพืช วุ้นเส้นไม่ฟอกขาว งา มันฝรั่ง / ผักใบเขียวต่างๆ ผลไม้ เช่น มะม่วง สับปะรด แอปเปิ้ล
วิตามินบีรวม (บี1 บี2 บี3 บี6 บี12)
วิตามินบีรวม ช่วยในการบรรเทาอาการแพ้ท้อง โดยคุณแม่ควรรับประทานเพื่อสุขภาพครรภ์ที่แข็งแรงและแม่แข็งแรง ควรรับประทาน วิตามินบี1 3 มิลลิกรับ/วัน วิตามินบี2 2 มิลลิกรัม/วัน วิตามินบี3 20 มิลลิกรัม/วัน และวิตามินบี12 6 ไมโครกรัม/วัน แหล่งอาหารวิตามินบีรวม ดังนี้
- วิตามินบี1 ได้แก่ ผัก โฮลวีต ถั่วเหลือง ข้าวโอ๊ต ถั่วลิสง รำข้าว เปลือกข้าว เมล็ดที่ไม่ผ่านการขัดสี บริเวอร์ยีสต์ นม ไข่แดง ปลา เนื้อออร์แกนิก เนื้อหมูไม่ติดมัน
- วิตามินบี2 ได้แก่ ไข่ นม ถั่ว โยเกิร์ต ชีส ผักใบเขียว ปลา ตับ ไต
- วิตามินบี3 ได้แก่ ไข่ ปลา เนื้อไม่ติดมัน เนื้อขาวจากพวกสัตว์ปีก ตับ โฮลวีต จมูกข้าวสาลี ถั่วลิสง อะโวคาโด อินทผลัม ลูกพรุน มะเดื่อฝรั่ง บริเวอร์ยีสต์
- วิตามินบี6 ได้แก่ บริเวอร์ยีสต์ รำข้าว จมูกข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต ข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสี ถั่วลิสง ถั่วเหลือง วอลนัต กะหล่ำปลี กากน้ำตาล แคนตาลูป ไข่ ตับ ปลา
- วิตามินบี12 ได้แก่ นื้อสัตว์เป็นหลัก ตับ ไต นม ไข่แดง ชีส ปลา เนื้อหมู เนื้อวัว อาหารหมักดอง
โอเมก้า 3
โอเมก้า 3 มีประโยชน์สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ ช่วยควบคุมระดับฮอร์โมน ทำให้มดลูกแข็งแรง ช่วยในการเรื่องไหลเวียนของโลหิต ลดภาวะคลอดก่อนกำหนด ช่วยเรื่องน้ำหนักตัวลูกดี ดังนั้น คุณแม่ควรรับประทานอาหารที่มีโอเมก้า 3 หรือน้ำมันปลาเป็นประจำ แหล่งอาหารที่มีโอเมก้า 3 เช่น ปลาและอาหารทะเล / ถั่วและเมล็ดพืช / น้ำมันพืช
บทความที่เกี่ยวข้อง