คนท้องกลั้นปัสสาวะ เสี่ยงต่อการแท้งลูก
ในช่วงแรกของการตั้งครรภ์คุณแม่ต้องพบกับภาวะการปัสสาวะบ่อยๆ ซึ่งคุณแม่หลายท่านสงสัยว่าทำไม เกิดจากอะไร ซึ่งคุณแม่หลายๆ ยังไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุอะไร ในครั้งนี้เรามาหาคำตอบกันว่าคนท้องที่กลั้นปัสสาวะ เสี่ยงแท้งลูกจริงหรือไม่
การที่คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ปัสสาวะบ่อย สาเหตุมากจากที่มดลูกมีการขยายตัวแล้วไปเบียดกับกระเพาะปัสสาวะ และไม่เพียงเท่านี้ ช่วงที่คุณแม่ตั้งครรภ์ ระบบการทำงานของไตจะทำงานหนัก เนื่องจากเวลาที่เลือดไหลเวียนมาเลี้ยงในครรภ์ ต้องผ่านระบบไต ไตจึงได้กรองปัสสาวะออกมา ส่งผลทำให้คุณแม่มีอาการปวดปัสสาวะบ่อยๆ แต่อาการดังกล่าวจะค่อยๆหายไปเมื่ออายุครรภ์มากขึ้น และจะมีอาการปัสสาวะบ่อยๆอีกครั้งก็เมื่อคุณแม่เข้าสู่เดือนที่ 7 ซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายของการอุ้มท้อง ซึ่งในระยะดังกล่าวเกิดจากที่เด็กในครรภ์โตขึ้นแล้วไปเบียดกับกระเพาะปัสสาวะ
อาการและความเสี่ยงของคนท้องกลั้นปัสสาวะ
การที่คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์กลั้นปัสสาวะ จะส่งผลเสียและมีความเสี่ยงเป็นอย่างมาก เนื่องจากปัสสาวะที่ค้างอยู่ในกระเพาะปัสสาวะคือของเสียที่ร่างกายพยายามขับออกจากร่างกาย ซึ่งในปัสสาวะจะประกอบด้วยตะกอนของของเสียต่างๆในร่างกาย ซึ่งถ้าหากค้างอยู่ในกระเพาะปัสสาวะมากเกินไป จนกระเพาะปัสสาวะรองรับไหว ปัสสาวะก็จะไหลย้อนกลับไปที่ท่อไตและกรวยไตทั้ง 2 ข้าง และยิ่งไปกว่านั้นสำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ ยิ่งมดลูกขยายตัวเบียดกับกระเพาะปัสสาวะ ก็ยิ่งทำให้กระเพาะปัสสาวะกักเก็บปัสสาวะได้น้อยลงไปอีก จึงทำให้คุณแม่มีอาการปวดปัสสาวะบ่อยมากขึ้น และยิ่งมีอายุครรภ์ที่มากขึ้นก็จะทำให้ปัสสาวะปวดบ่อยมากขึ้นโดยเฉพาะ 3 เดือนสุดท้ายก่อนคุณแม่ทำการคลอด
ในความเสี่ยงที่คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์กลั้นปัสสาวะ คุณแม่จะมีความเสี่ยงที่จะทำให้ทางเดินระบบปัสสาวะอักเสบ ซึ่งคุณแม่จะมีอาการปัสสาวะเสียดขัด ปัสสาวะกะปริดกะปรอย และมีอาการเหมือนปัสสาวะออกมาไม่สุด แต่ถ้าหากยิ่งอาการหนักอาจส่งผลให้กรวบไตักเสบ เช่น จะมีอาการปัสสาวะออกมาเป็นเลือด ปัสสาวะแสบและขัด มีอาการปวดหลัง มีไข้ขึ้นสูง มีอาการหนาวสั่น และอาจทำให้คุณแม่ติดเชื้อในกระแสเลือดได้ ไม่เพียงเท่านั้น อาจส่งผลต่อเด็กในท้อง เช่น เกิดภาวะแท้งลูก หรือทำให้คุณแม่คลอดน้องก่อนกำหนดเมื่อมีอายุครรภ์มากขึ้น
วิธีการป้องกันและแนวทางไม่ให้คุณแม่มีอาการและความเสี่ยงจากการกลั้นปัสสาวะ
เมื่อคุณแม่มีอาการปวดปัสสาวะ ถ้าไม่จำเป็นหรืออยู่ในเหตุการณ์ที่ไม่สามารถปัสสาวะได้ ก็ควรไปปัสสาวะในทันที่เมื่อมีอาการปวด อย่ากลั้นเอาไว้หรือรอจนปวดมากแล้วไป เพราะมันจะส่งผลเสียต่อตัวคุณแม่และลูกที่อยู่ในครรภ์ และคุณแม่ควรดื่มน้ำมากๆให้เพียงพอต่อร่างกาย อย่าได้ไปจำกัดการดื่มน้ำเพราะร่างกายในช่วงนี้ต้องการน้ำในการหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆมากกว่าตอนที่ยังไม่ได้ตั้งครรภ์ และหากได้รับน้ำที่ไม่เพียงพอก็จะส่งผลต่อระบบการทำงานต่างๆของร่างกาย
ไม่เพียงเท่านี้ เมื่อคุณแม่มีอายุครรภ์มากขึ้น มดลูกก็จะขยายใหญ่มากขุึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้คุณแม่มีอาการที่ไม่สบายตัว เพราะเนื่องจากกล้ามเนื้อหลังและหน้าท้องจะต้องทำหน้าที่ในการรับน้ำหนักมดลูก รวมถึงน้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้น จนทำให้คุณแม่มีอาการปวดหลัง ปวดขา และส่งผลต่อการเคลื่อนไหว ทำให้เคลื่อนไหวช้าลง จนทำให้ในบางครั้งคุณแม่ไม่อยากลุกหรือเคลื่อนที่ไปไหน โดยเฉพาะคุณแม่ที่ท้องโตที่น้ำหนักตัวมากๆ
ดังนั้น คุณแม่ควรบรรเทาอาการอาการดังกล่าวด้วยการนั่งทำงานอย่างถูกวิธี โดยการใช้หมอนรองหลัง และยืดขาตรง และอย่าได้อยู่ท่าใดท่าหนึ่งนานจนเกินไป ควรมีการปรับขยับอริยาบถเป็นระยะ และอีกอย่างคุณแม่ควรพยายามลุกขึ้นเดินบ่อยๆ เพื่อช่วยให้เลือดได้ไหวเวียนได้สะดวก และช่วยให้อาการปวดหลังหรือขาลดลง เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อส่วนต่างมีการคลายตัว ไม่เกร็งอยู่ในท่าใดท่าหนึ่งเป็นเวลานานๆ หรือคุณแม่อาจจะมีตัวช่วยคือยานวด แต่ควรทำการปรึกษาแพทย์ว่าตัวยาชนิดใดที่เหมาะแก่หญิงตั้งท้อง เพราะหากใช้ยาที่ไม่เหมาะสมอาจส่งผลต่อเด็กในท้องได้ และหากคุณแม่มีอาการปวดมากก็ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาในทันที
บทความที่เกี่ยวข้อง